‘บางจาก’หวังตลาดอีวีฟื้นดันยอดใช้แร่ลิเทียมผลิตแบตเตอรี่รถยนต์เพิ่ม

‘บางจาก’หวังตลาดอีวีฟื้นดันยอดใช้แร่ลิเทียมผลิตแบตเตอรี่รถยนต์เพิ่ม

“บางจาก” หวังดีมานต์รถยนต์ไฟฟ้ายุโรปฟื้นดันความต้องการลิเทียมใช้ผลิตแบตเตอรี่เพิ่ม คาดโครงการร่วมทุนในอาร์เจนตินาเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปลายปี64

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า โครงการร่วมทุนผลิตแร่ลิเทียม ในอาร์เจนตินา คาดว่าจะเลื่อนแผนเริ่มทำการผลิตเฟสแรก ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมคาดว่า จะเริ่มการผลิตได้ในช่วงกลางปี 2564 เป็นช่วงปลายปี 2564 หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดยการผลิตแร่ลิเทียม ในอาร์เจนตินา เฟส 1 จะมีกำลังผลิต 4 หมื่นตันต่อปี หลังจากก่อนหน้านี้ได้ขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม อยู่ที่ 2.5 หมื่นตันต่อปี ซึ่งเดิม บางจากฯ ตั้งเป้าหมาย จะรับรู้รายได้เต็มที่ในปี 2564 แต่คาดว่าจะล่าช้าจากโควิดด้วย

โครงการนี้ บางจากฯ จะมีส่วนรับซื้อแร่ลิเทียมประมาณราว 6,000 ตันต่อปี ซึ่งยังอยู่ระหว่างกำลังพิจารณาว่า จะมีการพัฒนาต่อยอดผลิตเป็นแบตเตอรี่เอง หรือจะเป็นตัวแทนจำหน่าย(เทรดเดอร์) ในตลาด ก็เริ่มมีผู้สนใจเข้ามาขอซื้อแร่ลิเทียมกับทางบริษัทฯบ้างแล้ว

ขณะที่ราคาแร่ลิเทียม ปัจจุบันปรับลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลง โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 9,000-10,000 ดอลลาร์ต่อตัน จากที่เคยอยู่ในระดับ 15,000 ดอลลาร์ต่อตัน แต่มองว่าราคาแร่ลิเทียม ยังมีโอกาสกลับมาเพิ่มขึ้นได้ ตามทิศทางของเศรษฐกิจในยุโรปทีเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังผ่านพ้นโควิด-19 และการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) เช่น เยอรมนี ที่รัฐบาลมีการออกมาตรการอุดหนุนให้ผู้ประกอบการลงทุนติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้รถอีวีมากขึ้น เป็นต้น

การลงทุนเหมืองแร่ลิเทียม ของบางจากฯ เป็นการลงทุนผ่านการถือหุ้น 15.8% ใน Lithium Americas Corp. (LAC) ขณะที่ LAC เป็นผู้ถือหุ้น 50% ร่วมกับ Ganfeng Lithium ถือหุ้นอีก 50% ใน Minera Exar ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินา นอกจากนี้ LAC ยังถือหุ้น 100% สำหรับการพัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมอีกแห่งหนึ่งในรัฐ Nevada ประเทศสหรัฐอเมริกา