สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์วันที่ 8-12 มิถุนายน 2563

สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์วันที่ 8-12 มิถุนายน 2563

เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือน ขณะที่หุ้นไทยร่วงลงตามต่างประเทศจากความกังวลโควิด-19 ระบาดซ้ำในสหรัฐฯ

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทแข็งค่าทะลุแนว 31.00 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ 30.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับคาดว่ามีแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากกลุ่มผู้ส่งออก และผลจากปัจจัยทางเทคนิคที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในระหว่างสัปดาห์ นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังเผชิญแรงขาย หลังเฟดย้ำสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง พร้อมกับประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวรุนแรงถึง 6.5% ในปีนี้ อย่างไรก็ดีช่วงแข็งค่าของเงินบาทเริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากตลาดรอติดตามท่าทีการเข้าดูแลค่าเงินของธปท. อย่างใกล้ชิด

- ในวันศุกร์ (12 มิ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.95 เทียบกับระดับ 31.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 มิ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (15-19 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.70-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สุนทรพจน์ของประธานเฟด ผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย. ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามสัญญาณการระบาดซ้ำของโควิด-19 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

-  หุ้นไทยร่วงลงหลุดกรอบ 1,400 จุด  โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,382.56 จุด ลดลง 3.70% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 93,412.05 ล้านบาท ลดลง 1.42% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้นเพียง 0.02% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 294.55 จุด   .  

-  ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายตามตลาดต่างประเทศ หลังปรับตัวรับแรงหนุนจากการทยอยเปิดเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้มุมมองที่สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของเฟด และความเสี่ยงต่อการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ในสหรัฐฯ กระตุ้นแรงขายในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ โดยในสัปดาห์นี้ หุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานปรับลดลงค่อนข้างมาก ขณะที่แรงขายหุ้นหลักๆ ในประเทศมาจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน   

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (15-19 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,370 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,420 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าการพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น และยูโรโซน รวมถึงยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ค. ของจีน