กังวล Covid-19 ระบาดรอบสอง

กังวล Covid-19 ระบาดรอบสอง

คาด SET ปรับตัวลงทดสอบ 1,350 - 1,365 จุด จากความกังวลไวรัส Covid-19 จะกลับมาแพร่ระบาดรอบสองหลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการ Lockdown

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ทรุดตัวลงแรง -22 จุด (-1.55%) ปิดที่ระดับ 1,397 จุด มูลค่าซื้อขาย 8.3 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจกับทิศทางเศรษฐกิจหลัง Fed ลดคาดการณ์ GDP สหรัฐในปีนี้เป็นหดตัว 6.5% รวมถึงความกังวลเกิด Second wave ในสหรัฐหลังมีผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นหลังคลาย lockdown และหุ้นกลุ่มน้ำมันถูกเทขายหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดฟิวเจอร์ลดลงราว 3% ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 753 ล้านบาท  และ Net Short TFEX SET50  3,210 สัญญา  แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,951 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นลบตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านคาด SET ปรับตัวลงทดสอบ 1,350 - 1,365 จุด  จากความกังวลไวรัส Covid-19 จะกลับมาแพร่ระบาดรอบสองหลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ประกอบกับแรงกดดันจาก FED แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้โดยคาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะหดตัวลง 6.5% และอัตราการว่างงานจะพุ่งแตะระดับ 9.3% นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงจากความกังวล Demand ที่จะหดตัวลงหากไวรัส Covid กลับมาระบาดรอบสองนั้นจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและภาพรวมตลาดอีกด้วย

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET 50 / 100 รอบใหม่   BPP  TTW  ACE  DOHOME  RBF  SIRI  SISB   TVO  WHAUP
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  ( CKP TASCO STA RS )
  • กลุ่ม Defensive ในช่วงตลาดผันผวน ( INTUCH TTW DIF )

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BAM (ปิด 25.5 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 29.5) แนวโน้มเศรษฐกิจไม่ดี NPLs มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น เป็นโอกาสของผู้ประกอบการติดตามหนี้และบริหารสินทรัพย์ จากการเข้าซื้อ NPLs ในราคาที่ถูกลง (แย่งกันขาย) หนุนพอร์ตลูกหนี้ในมือเพิ่มขึ้นรอออกดอกผลเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
  • TTW (ปิด 14 ซื้อ/เป้า 16) TTW เป็นหุ้น Defensive ปันผลสูงประมาณ 4%-5% ต่อปี เหมาะสำหรับพักเงินในช่วงตลาดผันผวน นอกจากนี้ TTW ยังมี sentiment บวกเนื่องจากถูกคาดการณ์ว่าจะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลหรือรายชื่อออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า

บทวิเคราะห์วันนี้

CKP (ปิด 4.40 ถือ/เป้า 4.50), Energy sector (Top pick: SPRC และ TOP)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ดาวโจนส์ร่วง 1,862 จุด กังวลทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐและกลัวไวรัส Covid-19 ระบาดรอบสอง: เมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลงหนักกว่า 1,862 จุด (-6.9%) ปิดที่ระดับ 25,128 จุด ลดลงในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 2020 เป็นผลจาก 1) ตลาดมี Valuation ที่ตึงตัวอยู่แล้ว (PE แพง), 2)เริ่มไม่มั่นใจกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐหลังจากที่เฟดลดคาดการณ์ GDP ของสหรัฐในปีนี้ลงเป็นหดตัว 6.5% และส่งสัญญาณตึงดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ไปจนถึงปี 2022 และ 3) กังวลไวรัส Covid-19 กลับมาระบาดรอบสอง (Second wave) หลังจากมีหลายมลรัฐในสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลาย lockdown อาทิ รัฐเท็กซัส, ฟอร์ลิดา และ แคลิฟอร์เนีย
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - น้ำมันดิบร่วงหนักว่า 3$/bbl กังดีมานด์ชะลอตัวหากโควิด -19 กลับมาระบาดรอบสอง: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.26 ดอลลาร์ (-8.2%) ปิดที่ระดับ 36.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 1) สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล, และ 2) กลัวดีมานด์หรือความต้องการน้ำมันในสหรัฐชะลอตัวหลังจากเฟดยังมีมุมเชิงลบต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมถึงนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นว่าสหรัฐมีความเสี่ยงที่ไวรัส Covid-19 จะกลับมาระบาดในรอบที่ 2 หลังจากที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในหลายๆ รัฐของอเมริกาจากการคลาย lockdown รวมถึงการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม วันนี้ ศบค. (ชุดใหญ่) พิจารณาปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจเฟส 4 และเตรียมยกเลิกเคอร์ฟิว สัปดาห์หน้า BoJ meeting: วันนี้ ศบค. ชุดใหญ่ จะประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจในระยะที่ 4 และทดลองยกเลิกเคอร์ฟิวเป็นเวลา 15 วัน หากดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ในไทยที่ค่อนข้างผ่อนคลายมีโอกาสสูงที่ ศบค.จะเห็นชอบกับแนวทางดังกล่าว แต่หาก ศบค.เห็นความเสี่ยงคล้ายกับที่เกิดขึ้นกับสหรัฐมีความเป็นไปได้เช่นกันที่ ศบค.อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวออกไปก่อนซึ่งจะเข้ามาเป็น Sentiment ลบเพิ่มเติมกดดันตลาด ส่วนสัปดาห์หน้าติดตาม BoJ Meeting (16 มิ.ย.) คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินญี่ปุ่นจะยังดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป คือ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% และเดินหน้าซื้อสินทรัพย์หรือ QE ตามเดิม