ศบค. เคาะคลายล็อก เฟส 4 นั่งดื่มที่ร้านได้ ยกเว้น 'ผับ-บาร์-คาราโอเกะ-โรงเบียร์'

ศบค. เคาะคลายล็อก เฟส 4 นั่งดื่มที่ร้านได้ ยกเว้น 'ผับ-บาร์-คาราโอเกะ-โรงเบียร์'

ศบค. เคาะผ่อนปรนมาตรการ ระยะ 4 ยกเลิก เคอร์ฟิว ไฟเขียว สายดริ้งค์ นั่งดื่มที่ร้านได้ ยกเว้น "ผับ-บาร์-คาราโอเกะ-โรงเบียร์" อนุญาต "จัดดนตรี-คอนเสิร์ต" โดยมีมาตรการลดความหนาแน่ ไร้ระเบียบ 5 ตร.ม.ต่อคน 

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการ ระยะ 4  

โดยภายหลังการประชุม นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้แถลงจากทำเนียบรัฐบาล ถึงมติที่ประชุมว่า ได้แถลงผลการประชุม ศบค.โดยระบุว่าที่ประชุมมีมติยกเลิกเคอร์ฟิว โดยจะเริ่มต้นการคลายล็อกนี้ วันที่ 15 มิ.ย. แต่ยังคงการควบคุมการเดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรทั้งทางบก น้ำ และอากาศ

นอกจากนี้ จะมีการผ่อนผันให้เปิดธุรกิจต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น โรงเรียนนานาชาติ การศึกษานอกระบบ ประเภทกวดวิชา และโรงเรียนขนาดเล็กไม่เกิน 120 คน ไปถึงการใช้อาคารสถานที่ของหน่วยงานราชการ เพื่ออบรม ทั้งการจัดประชุม สัมมนา อีเวนท์ พิธี การแสดงดนตรี คอนเสิร์ต แต่ต้องมีมาตรการดูแลความหนาแน่น เช่น งานคอนเสิร์ต แสดงดนตรี ต้องกำหนด 5 ตารางเมตร ต่อคน

ขณะที่ การเปิดขาย บริโภคสุรา และเครื่องดื่ม สามารถทำได้ แต่ยังยกเว้นสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ โรงเบียร์ ฯลฯ ที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้เปิด และสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานสงเคราะห์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ และการถ่ายทำโทรทัศน์สามารถทำได้ในระยะที่ 4 นี้

ด้านการออกกำลังกาย สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุกสามารถเปิดให้บริการได้ ตามมาตรการ เปิดออกกำลังกายแบบกลุ่มในที่สาธารณะได้ แต่ต้องมีผู้เข้าร่วมไม่เกิน 50 คน ขณะที่สนามกีฬา หรือที่ออกกำลังกายเองก็สามารถมีการแข่งขันได้ เช่นกัน แต่ต้องไม่มีผู้ชม

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพูดถึง Travel Bubble เปิดการท่องเที่ยวอย่างจำกัด โดยเลือกประเทศที่ควบคุมการระบาดได้ดี ประเทศที่เดินทางหากันมีการตรวจเชื้ออย่างเข้มงวด มีการซื้อประกันสุขภาพ มีระบบการติดตาม เพื่อป้องกันหากเกิดการติดเชื้อ ทั้งยังมีข้อเสนอให้อยู่ได้ในบางพื้นที่ เช่น เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการดูแลอย่างดี

โดยกลุ่มเป้าหมายคือ นักธุรกิจ และกลุ่มที่มารับการรักษา บริการทางการแพทย์ โดยเป้าหมายประเทศคือ จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ประเทศตะวันออกกลางบางประเทศ ฯลฯ โดยที่ประชุม ศบค.เห็นชอบในหลักการ แต่ต้องมีมาตรการที่เข้มข้น ที่ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ได้รายได้จากการท่องเที่ยว แต่ต้องมีการคุมเข้มในการตรวจโรคด้วย