'ตลาดหุ้นจีน' น่าสนใจไหม?

'ตลาดหุ้นจีน' น่าสนใจไหม?

การลงทุนในตลาดหุ้นจีนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวมีความน่าสนใจอย่างมาก ขณะที่การลงทุนระยะสั้นมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า และอาจไม่ได้ประโยชน์จากสภาพคล่องในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากจีนยังคงจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ

ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2563 ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนปิดที่ 2,956.11 จุด เพิ่มขึ้น 11.12% จากราคาปิดต่ำสุดของปีนี้ที่ 2,660.17 จุด

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม แต่ร่วงลง 3.08% จากราคาปิดเมื่อสิ้นปี 2562 ที่ 3,050.12 จุด ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันที่ 9 มิถุนายนอยู่ที่ 1,408.37 จุด ปรับขึ้น 37.47% จากราคาปิดต่ำสุดของปีนี้ที่ 1,024.46 จุดในวันที่ 23 มีนาคมเช่นกัน แต่ร่วงลง 10.85% จากราคาปิดเมื่อสิ้นปี 2562 ที่ 1,579.84 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตมีจุดสูงสุดของปีที่แล้วที่ 3,270.80 จุด เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562 และจุดต่ำสุดที่ 2,464.36 จุดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ในขณะที่จุดสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,166.35 จุด เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 และจุดต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,950.01 จุด เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556

ข้อมูลจาก ceicdata.com ระบุว่า ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2563 P/E ของดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตอยู่ที่ 13.63 เท่า โดยนับตั้งแต่ปี 2546 ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตมีค่า P/E ต่ำสุดที่ 9.59 เท่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 และ P/E สูงสุดที่ 71.38 เท่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ในขณะที่ P/E ของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันที่ 9 มิถุนายนอยู่ที่ 19.77 เท่า โดยนับตั้งแต่ปี 2546 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีค่า P/E ต่ำสุดที่ 5.85 เท่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2551 และ P/E สูงสุดที่ 28.74 เท่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2552

จากข้อมูลดังกล่าวเห็นได้ว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตในปีนี้ปรับตัวลดลงน้อยกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย ถึงแม้จีนเป็นประเทศแรกที่พบผู้ติดโควิด-19 และต้องทำการปิดประเทศเป็นประเทศแรกก็ตาม ทั้งนี้อาจเป็นเพราะตลาดหุ้นจีนมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นจีนได้รับแรงกดดันจากปัญหาสงครามการค้า และเศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตราที่ชะลอลง ตลาดหุ้นจีนจึงไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก

ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีน หลังจากที่จีนเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจ ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ทยอยรายงานออกมาเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของบริษัทขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ต่างบ่งชี้ถึงการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเพียงพอที่จะชดเชยการหดตัวของภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการที่หลายประเทศยังคงปิดประเทศเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ การที่หลายประเทศในเอเชีย ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของจีน เริ่มทยอยเปิดประเทศ จะส่งผลให้การส่งออกของจีนมีแนวโน้มดีขึ้นในระยะต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ทั้งนโยบายการเงินและการคลัง และยังคงมีแนวโน้มที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังคงมีความสามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของจีนยังคงอยู่ในระดับสูง รัฐบาลยังคงมีความสามารถในการลงทุนอีกมาก หนี้ภาครัฐของจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ และฐานะการเงินการคลังของจีนอยู่ในระดับที่มั่นคง

ในส่วนของความโปร่งใสของข้อมูลต่างๆ อาจเป็นปัจจัยที่นักลงทุนกังวล เนื่องจากระบบบัญชีของจีนยังคงมีความแตกต่างจากมาตรฐานสากล หลักการคำนวณอัตราเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนก็มีความแตกต่างจากมาตรฐานสากล จึงทำให้เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ได้ยาก

ในแง่ของความเสี่ยง จีนยังคงเป็นเป้าหมายอันดับแรกของสหรัฐในการทำสงครามการค้า ถึงแม้จีนกับสหรัฐได้ลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกไปแล้วก็ตาม เนื่องจากปีนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังสูญเสียคะแนนจากการระบาดของโควิด-19 และการชุมนุมประท้วงต่อต้านการเหยียดผิว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะสร้างปัญหาให้แก่จีนในด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายๆ ด้านเพื่อเรียกคะแนนให้แก่ตัวเอง

ดังนั้น หากมองในแง่ของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีนที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น และรัฐบาลยังคงมีแนวโน้มกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ในขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกในอนาคต มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก และตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียที่รายล้อมไปด้วยประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตได้ดี และค่า P/E ของตลาดหุ้นจีนในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าตลาดหุ้นไทย

การลงทุนในตลาดหุ้นจีนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวจึงมีความน่าสนใจอย่างมาก ในขณะที่การลงทุนในระยะสั้นยังคงมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า และอาจไม่ได้ประโยชน์จากสภาพคล่องในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากจีนยังคงจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็มีความเสี่ยงขาลงค่อนข้างจำกัดจากราคาที่ถูกกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ อยู่แล้ว

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นจีน สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมตลาดหุ้นจีนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ โดยนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้ให้คำแนะนำการลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน เพราะกองทุนตลาดหุ้นจีนจัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง และอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนครับ