'บีทีเอส' ลั่นรายได้เดินรถพุ่ง 40%

'บีทีเอส' ลั่นรายได้เดินรถพุ่ง 40%

“บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” คาดรายได้รับจ้างเดินรถปีนี้พุ่ง 40% อยู่ที่ 5.2 พันล้าน จากปีก่อน 3.7 พันล้าน เหตุรับอานิสงส์ส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือเปิดให้บริการ ส่วนรายได้ธุรกิจรถไฟฟ้าคาดแตะ 3.38 หมื่นล้าน

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่าบริษัทคาดรายได้จากการรับจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) งวดบัญชีปี 2563/2564 (1 เม.ย.2563-31 มี.ค.2564) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5,200 ล้านบาท หรือเติบโตสูงกว่า 40% จากงวดปีก่อนที่ทำได้ 3,700 ล้านบาท เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการเปิดสถานีใหม่ของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต) ซึ่งล่าสุดได้ทำการเปิดสถานีใหม่เพิ่มเติมอีก 4 สถานีได้แก่ สถานีกรมป่าไม้-สถานีวัดพระศรีมหาธาตุและมีกำหนดจะเปิดได้ครบทั้งสายภายในช่วงสิ้นปีนี้

ทั้งนี้บริษัทยังจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองอีกจำนวน 20,000 ล้านบาท ประกอบกับงานวางระบบของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ-ใต้ รวมถึงจัดหารถไฟฟ้าเพิ่มเติมราว 6,000 ล้านบาท อีกทั้งจะรับรู้รายได้จากเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) ประมาณ 2,600 ล้านบาท รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยรับจากส่วนที่เกี่ยวข้องจากเงินลงทุนอีกประมาณ 3,100 ล้านบาท ซึ่งทำให้คาดว่าในงวดปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนรวมกว่า 33,800 ล้านบาท

ขณะที่ในส่วนของผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) คาดว่าอาจกระทบต่อรายได้ตามจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้รวมของบริษัท หลังปริมาณผู้โดยสารในเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 1 แสนเที่ยวคนต่อวัน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตามล่าสุดในช่วงเดือนพ.ค.ตัวเลขผู้โดยสารเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.5-4 แสนเที่ยวคนต่อวัน และคาดว่าในเดือนก.ค.จะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงใกล้การเปิดภาคเรียนและคนก็เริ่มกลับมาทำงานตามปกติ

“ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าลดลง โดยการประเมินในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมาคาดว่ายอดผู้โดยสารทั้งปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 170 ล้านเที่ยว หรือลดลง 20% จากปีก่อน ขณะที่ในส่วนของธุรกิจสื่อของบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGIและธุรกิจอสังหาฯในบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือU คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากยอดโฆษณาสื่อนอกบ้านที่ปรับตัวลดลง รวมถึงการปิดโรงแรมและโครงการอสังหาฯมีการชะลอการเปิดโครงการใหม่”

นายสุรยุทธ กล่าวต่อว่านอกจากนี้บริษัทยืนยันยังไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่ปัจจุบันทาง VGI ในฐานะบริษัทย่อยได้เข้าทำการถือหุ้นอยู่แล้วประมาณ 23%