แกว่งตัวผันผวน
วานนี้ดัชนีปิดบวกกว่า 10 จุด คาดเป็นแรงรีบาวด์หลังจากที่วันก่อนหน้าดัชนีปรับตัวลงแรงกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค
ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก อย่างไรก็ดี นักลงทุนสถาบันยังคงขายออกมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,418.77 จุด (+10.40 จุด) Volume 7.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ +859.49 ลบ. TFEX Net +13,767 สัญญา ตราสารหนี้ +3,040 ลบ.
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
-ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 26,989.99 จุด ลดลง 282.31 จุด -1.04% หลังเฟดคาดการณ์ว่าศก.สหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ และนายพาวเวลแสดงความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและแนวโน้มศก.ของสหรัฐ
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 66 เซนต์ +1.7% ปิดที่ 39.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
+เฟดมีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยตามคาด ส่งสัญญาณตรึงยาวถึงปี 2565
+สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัยดีดตัว แม้ดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น
+จีนเผยธุรกิจสายการบินส่งสัญญาณฟื้นตัวในเดือนพ.ค.
-โควิด-19 ฉุดดัชนี CPI สหรัฐร่วงเป็นเดือนที่ 3 ในพ.ค.
-กกร.คงคาดการณ์ GDP ปีนี้ที่ -5 ถึง -3% คาดส่งออกคาด -10 ถึง -5% เร่งรัฐฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพิ่มเม็ดเงินสู่ฐานราก
-5 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากการท่องเที่ยว ลดลงกว่า 7.52 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ เม.ย.-พ.ค.63 ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และประกาศห้ามอากาศยานบินเข้าไทย
-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 12.36 จุด -0.42% เช้านี้เปิด -3.96 จุด
-ดัชนีนิกเกอิปิด +33.92 จุด +0.15% เช้านี้เปิด -276.93 จุด เยนแข็งกดดันส่งออก
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.87 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.12 บาท/US
*จับตาสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.00% พร้อมคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนจับตาการประชุมศบค.ชุดใหญ่พิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมระยะที่ 4 คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,400-1,430 จุด
หุ้นรายงานพิเศษ
BEM Analyst meeting (ถือ Bloomberg Consensus 10.19)
- คาดผลประกอบการจะต่ำสุดใน 2Q63 เนื่องจากการล็อกดาวน์ของภาครัฐในเดือนมีนาคม-เมษายน 63 ส่งผลให้ปริมาณรถยนต์ใช้บริการทางด่วนเดือนเม.ย.และพ.ค.ลดลงสู่ 89 แสนคันต่อวัน และ 8.05 แสนคันต่อวัน ลดลง 50%YoY และ ลดลง 34%YoY ตามลำดับ ด้านผู้โดยสาร MRT เดือนเม.ย.และพ.ค.ลดลงสู่ 7.8 หมื่นคนต่อวัน และ 1.19 แสนคนต่อวัน ลดลง 74%YoY และลดลง 60%YoY แต่รายจ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าพนักงานและค่าไฟฟ้ากดดันผลประกอบการ
- ในระยะยาวผลประกอบการมีโอกาสเติบโตจากที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดวิ่งครบวงตั้งแต่เดือนธ.ค.62 ช่วยหนุนให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีผู้โดยสารต่อวันราว 5 แสนคนต่อวัน (ไม่รวมผลกระทบจาก COVID-19) และการเปิดรถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีชมพู สายสีเหลืองที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 64 และสายสีส้มคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 67 ช่วยหนุนให้ผู้โดยสารปรับตัวขึ้นเพิ่มเติม นอกจากนี้คาดว่าบริษัทมีโอกาสได้งานเดินรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินเนื่องจากบริษัทเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม CP
- ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อการเติบโตในระยะยาวของบริษัท เนื่องจากรถไฟฟ้าสายใหม่จะทยอยแล้วเสร็จปี 64 และ 67 รวมถึงได้งานเดินรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้ ถือ เนื่องจากราคาเต็มมูลค่าเมื่อเทียบกับ Bloomberg Consensus
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี (WICE TASCO CPF)
- หุ้นที่ได้ประโยชน์หากรัฐออกแพคเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA)
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 (SPA MAJOR CRC CPN SF HMPRO)
- หุ้นเข้าดัชนีFTSE SET Large Cap Index FTSE รอบใหม่มีผล 22 มิ.ย. (CRC DIF)
หุ้นมีข่าว
(+) MINT (Bloomberg Consensus 18.68 บาท) แจงโควิด-19 ฉุดธุรกิจโรงแรมวูบหนัก! หลังรายได้เฉลี่ยต่อคืนลดฮวบ! แต่คาด 3 ธุรกิจ “โรงแรม-อาหาร-ไลฟ์สไตล์” จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ มิ.ย.นี้ ขณะที่ “แมงเม่าระเริงไฟ” เทรด 5 วันวอลุ่มรวมทะลักกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ฟากบลูมเบิร์ก คอนเซนซัส คาดปีนี้ขาดทุน 8,421.30 ล้านบาท พร้อมแนะ “ขาย” ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 19.02 บาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) MCOT (Bloomberg Consensus -บาท) เคาะจ่ายเงินเยียวยาคืนคลื่น 2600 MHz ให้ MCOT จำนวน 3,235.83 ล้านบาท พร้อมแบ่งคนละครึ่งกับ “เพลย์เวิร์ค” นอกจากนี้แต่งตั้ง “ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล” เป็นรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. มีผลวันที่ 1 ก.ค. 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+/-) CPF (Bloomberg Consensus 36.59 บาท) แจ้งจัดตั้งบริษัทย่อย CPFC ในบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ พร้อมขายหุ้นกู้อนุพันธ์ มูลค่า 275 ล้านเหรียญฯ หรือราว 8,600 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 68 ดอกเบี้ย 0.5% คาดจดทะเบียนหุ้นกู้ฯ ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ภายในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ โดยผู้ถือหุ้นกู้สามารถแปลงสิทธิเป็นหุ้น CPF ได้ราว 170,434 หุ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) ARROW (ราคาเหมาะสม 10.00 บาท) กางแผนเร่งปั๊มกำไรเติบโตต่อเนื่อง พร้อมคุมต้นทุนเหล็กให้มีคุณภาพ พร้อมสต๊อกสินค้ากว่า 70% ของงานในมือที่มีอยู่ 1.1 พันล้านบาท เล็งรับงานเพิ่มขึ้น 70-80% จากเดิม 60-70% ชี้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ทุ่มงบลงทุน 31 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) EGCO (Bloomberg Consensus 324.93 บาท) ลั่นโรงไฟฟ้าเดินเครื่องปกติไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมเดินหน้าลงทุนตามแผน คาดโครงการ Yunlin Project เริ่มจ่ายไฟไตรมาส 4/2563 แย้มศึกษาซื้อกิจการเข้าพอร์ตต่อเนื่องฟากโบรกมอง เป็นหุ้น Defensive รายได้มั่นคง อัพไซด์สูง พื้นฐานยังแข็งแกร่ง คาดกำไรปกติไตรมาส 2/2563 เติบโตขึ้น มองเป็นโอกาสสะสม ชี้เป้า 340 บาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SISB (Bloomberg Consensus 9.50 บาท) เตรียมพร้อมเปิดโรงเรียนวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายนนี้ หลังคลายล็อกดาวน์ เฟส 4 ฟากผู้บริหารระบุไม่มีการปรับขึ้นค่าเทอม หวังลดภาระผู้ปกครอง เปิดรับนักเรียนใหม่ต่อเนื่อง เชื่อระยะยาวยังเติบโตดี เดินหน้าขยายโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี ฟากโบรกมองปีหน้ากลับมาเติบโต 58% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SYNEX (Bloomberg Consensus 7.32 บาท) จับมือ "Razer" แบรนด์ไลฟ์สไตล์เกมมิ่งชั้นนำระดับโลก รุกตลาดเกมขยายฐานลูกค้าเพิ่ม มองแนวโน้มตลาดเกมในประเทศเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจครองมาร์เก็ตแชร์ในพอร์ตเกมมิ่งโน๊ตบุ๊กรวมกับเกมมิ่งเกียร์เบอร์ 1 ในประเทศไทย (ที่มา ทันหุ้น)
(+/-) TOP (Bloomberg Consensus 47.73) กางแผน 5 ปี เตรียมเงินกว่า 4.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายลงทุน-ชำระหนี้ ขณะที่ปีนี้มีแผนใช้กว่า 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เดินหน้าโครงการ CFP “วิรัตน์” ใจชื้นราคาน้ำมันดิบฟื้นยืนเหนือ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หนุนปีนี้พลิกเป็นกำไร (ที่มาข่าวหุ้น)
ความเห็น เรามีมุม Neutral ในระยะสั้นเนื่องจากค่าการกลั่นยังปรับตัวลง อีกทั้งราคาน้ำมันเริ่มชะลอหลังโอเปกปรับลดกำลังการผลิตน้อยกว่าที่คาดไว้ และส่วนต่างน้ำมันอากาศยานยังทรงตัวในระดับต่ำ จึงแนะนำให้เปลี่ยนไปเล่นกลุ่ม ปิโตรเคมี เนื่องจากราคาปิโตรเคมีเริ่มปรับตัวขึ้นทั้ง PET และ HDPE โดยเราชอบ PTTGC และ IVL
(+) IP (ซื้อ ราคาเหมาะสม 8.1 และมี upside จากธุรกิจราว 1-1.5 บาทต่อหุ้น) ลั่น 3 ปีรายได้รวมโต 25% ต่อปี หลังผลิตภัณฑ์ในเครือขายดี-เข้าซื้อกิจการ “โมเดิร์น ฟาร์มา” ชี้ปี 63 ตั้งเป้ารายได้รวม 500 ล้านบาท พุ่ง 30% ได้รับผลบวกจากโควิด-19 พร้อมลุยตลาดจีน ญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้านเสริมพอร์ตส่งออก (ที่มาข่าวหุ้น)