KKP - ซื้อ

KKP - ซื้อ

ได้ประโยชน์จากตลาดทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น

Event

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้า และปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ

lmpact

รายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะฟื้นตัวแรง

ตลาดหุ้นที่วิ่งขึ้นมาแรงทำให้ KKP มีอัพไซด์ ในแง่ของการกลับรายการผลขาดทุนจากการลงทุนระยะยาว กำไรจากการลงทุนระยะสั้น ความเสี่ยงจากการลดทุนน้อยลง และรายได้จากค่าธรรมเนียม AM เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การที่ตลาดหุ้นลดลงแรงใน 1Q63 ทำให้ KKP มีผลขาดทุนจากการลงทุนประมาณ 284 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการลงทุนที่ยังไม่รับรู้ประมาณ 840 ล้านบาทในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (comprehensive income statement) และกำไรจากการค้าหลักทรัพย์ และอนุพันธ์ 527 ล้านบาทในงกำไรขาดทุน) เราคาดว่าตลาดหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาจะทำให้ธนาคารสามารถพลิกกลับรายการผลขาดทุนจากการลงทุนที่ยังไม่รับรู้ (ส่วนใหญ่จากการลงทุนในหุ้น) ซี่งจะหนุนให้เงินกองทุนขั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นประมาณ0.4-0.5% และยังรักษานโยบายการจ่ายเงินปันผลเอาไว้ได้

ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นปี 2563F/2564F ขึ้นอีกปีละ 10%

KKP มีสัดส่วนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนข้างขึ้นมาก โดยรายได้ส่วนนี้คิดเป็นประมาณ 21% ของรายได้รวมในปี 2562 แต่ลดลงมาเหลือแค่ 15% ใน 1Q63 หลังจากที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาแรง แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นรีบาวด์กลับขึ้นมาแรงในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาจะทำให้รายได้ส่วนนี้จะฟื้นตัว
ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในส่วนของรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมการเป็นตัวแทนขายกองทุน ค่าธรรมเนียมบริหารกองทุน และกำไรจากการลงทุน ทั้งนี้เราได้ปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ขึ้นอีกปีละ 10% ในปี 2563/64

ปรับเพิ่มประมาณการผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมา

เพื่อสะท้อนถึงยอดขายรถในประเทศที่ลดลงอย่างมาก และอุปสงค์ที่อ่อนแอของรถมือสอง เราจึงปรับเพิ่มประมาณการผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาอีก 20% เป็น 1.75 พันล้านบาท (จากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุน 1.45 พันลบ.) จากที่ขาดทุน 1.43 พันล้านบาทในปี 2562 ในขณะที่เรายังคงประมาณการอัตรา
การเติบโตของสินเชื่อ H/P ปี 2563F เอาไว้ที่ศูนย์ และปี 2564F ที่ +2.5% ส่วนสินเชื่อ non-H/P ก็คาดว่าจะโต 2% ในปี 2563F และ 5% ในปี 2564F ทั้งนี้ สินเชื่อ H/P คิดเป็น 45% ของพอร์ตสินเชื่อของบริษัท

ปรับเพิ่มกำไรปี 2563/64 ขึ้นอีก 7%/6% และเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2563F เป็น 64 บาท (P/E ที่ 10.5x)

เราปรับประมาณการกำไรปี 2563/64 เพื่อสะท้อนถึง 1.) การปลดส่วนรองรับหนี้เสียส่วนเกิน 1.88พันล้านบาทกลับมาเป็นรายได้ โดยทยอยรับรู้ 5 ปีในจำนวนปีละเท่า ๆ กัน ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นปีละ 7-8% 2.) การปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากตลาดทุนขึ้นอีก 10% 3.) การปรับเพิ่มผลขาดทุนจาก
การขายรถที่ยึดมาเป็น 1.75 พันล้านบาทในปี 2563F และ 1.1 พันล้านบาทในปี 2564F (จากเดิมที่ 1.45 พันลบ./800 ล้านบาท) ทั้งนี้ เมื่อใช้ P/E ที่ 10.5x และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายในอีก 12 เดือนข้างหน้า ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2563F ใหม่ที่ 64 บาท (จากเดิม 46 บาท) เราจึงปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ

Risk

NPL สูงเกินคาด ตลาดทุนผันผวน ขาดทุนจากธุรกิจเช่าซื้อ (H/P)