ทางเลือก 'ลงทุน' ในยุค 'ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ' เป็นประวัติการณ์

ทางเลือก 'ลงทุน' ในยุค 'ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ' เป็นประวัติการณ์

เมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเป็นประวัติการณ์ ทางเลือกของการลงทุนในภาวะแบบนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง? ตราสารหนี้ หรือกองรีทส์น่าสนใจหรือไม่? หาคำตอบได้ที่นี่

เรามาถึงวันที่อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารขนาดใหญ่อยู่ที่ประมาณ 0.5% หรือต่ำกว่า ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี ต่ำกว่า 2% ส่วนกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวที่ผ่านมาก็มีความผันผวนพอสมควร

มาดูที่กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนตลาดเงินยังมีนักลงทุนหลายคนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ จากปัญหาการปิดกองทุนขนาดใหญ่ และการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้การบินไทยที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่เงินฝากของธนาคารเป็นมูลค่าถึงเกือบ 1 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งก็มาจากกองทุนรวม อีกส่วนหนึ่งก็มาจากภาคธุรกิจและประชาชนที่กลัววิกฤติโควิด-19 ทำให้ชะลอการบริโภคและการลงทุนออกไป

วันนี้ผมจึงจะขอมาแนะนำทางเลือกลงทุนในยุคดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเป็นประวัติการณ์กันครับ

  • ลงกองทุนที่เน้นหุ้นกู้สหรัฐตามเฟด

ในช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา FED ได้ทำการอัดฉีดเงินครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และมีนโยบายเข้าไปซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนทั้งระดับ Investment Grade และ High Yield ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้เหล่านี้ค่อยๆ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นภายหลังจากที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนเหล่านี้ยังได้รับผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่เกือบ 2% จึงยังมีโอกาสที่ตราสารหนี้เอกชนเหล่านี้จะปรับตัวสูงขึ้นหลักๆ จากการสนับสนุนของ FED นั่นเอง

ซึ่งกองทุนที่ผมแนะนำที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ได้แก่ PHATRA G-UBOND-H ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการปิดความเสี่ยงค่าเงินด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/PHATRA%20G-UBOND-H

  • ลงกองอสังหาฯ รับประเทศไทยเปิดเมือง

ในช่วงปิดเมืองที่ผ่านมา กองทุนอสังหาฯ และ REITs ของบ้านเราปรับตัวลดลงอย่างแรงจากการที่ห้างปิด โรงแรมปิด ออฟฟิศก็เปลี่ยนเป็น Work from home ราคาของกองทุนตัวอย่างเช่น CPNREIT IMPACT TLGF FTREIT ที่ปรับลดลงทำให้อัตราเงินปันผลของกองทุนเหล่านี้เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยข้อมูลจาก Bloomberg ล่าสุด ณ ต้นเดือนมิถุนายน 2563 อัตราเงินปันผลของกองทุนเหล่านี้ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5-6%

ซึ่งหากเปรียบเทียบอัตราเงินปันผลที่ 5-6% ของกองอสังหาฯ กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีแล้วยังมีส่วนต่าง (Spread) สูงถึงกว่า 4% ทำให้กองทุนอสังหาฯ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในยุค new normal ที่หวังว่าวิกฤติ COVID-19 กำลังจะผ่านพ้นไป และห้าง โรงแรม ออฟฟิศจะเริ่มค่อยๆ ทยอยกลับคืนสู่สภาพเดิม 

ซึ่งถึงแม้ในระยะสั้นโดยเฉพาะไตรมาส 2 ของปีนี้ค่าเช่าจะหายไปบ้าง แต่ในระยะยาวสิ่งต่างๆ จะค่อยๆ คืนสู่สภาพเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือระดับอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยที่ลดลงมาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% น่าจะยังคงต่ำอยู่อย่างนี้อีกนาน และการเอาเงินทิ้งไว้ในเงินฝากนาน ๆ ไม่น่าจะเป็นไอเดียที่ดีแน่ครับ

สำหรับกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในกองอสังหาฯ ผมแนะนำกองทุน LHTPROP ของค่าย บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนในกลุ่มเดียวกัน สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/LHTPROP

ทั้งหมดก็เป็นสองไอเดียการลงทุนในยุค New Normal ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำติดดินน่าจะอยู่กับคนไทยไปอีกนานหลายปี อย่างไรก็ตามการลงทุนทั้งในกองตราสารหนี้โลก และกองอสังหาฯ นั้นมีระดับความเสี่ยงและความผันผวนสูงกว่าเงินฝากด้วย ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดี และลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้นะครับ