โรงแรมหรูเปิดศึกดัมพ์ราคา ชิงเม็ดเงิน ‘ไทยเที่ยวไทย’ 4 แสนล.

โรงแรมหรูเปิดศึกดัมพ์ราคา  ชิงเม็ดเงิน ‘ไทยเที่ยวไทย’ 4 แสนล.

ขณะธุรกิจโรงแรมรออานิสงส์จากแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งเจ้าภาพร่วมอย่างกระทรวงการคลังและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีนัดหารือกันเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้

เพื่อเร่งสรุปรายละเอียดว่าตกลงแล้วแพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” จะมอบสิทธิ์ให้ประชาชนทั่วไปกี่ล้านคน แจกเงินเที่ยวให้คนละ 2,000 บาทหรือ 3,000 บาท ผ่านรูปแบบและช่องทางใด

ผู้ประกอบการโรงแรมหลายราย ไม่เว้นแม้แต่โรงแรมระดับหรู ต่างเข็นโปรโมชั่นเด็ด ควบคู่กับมาตรการใหม่ด้านสุขอนามัยเพื่อสร้างความมั่นใจ จูงใจนักท่องเที่ยวไทยให้กล้าออกเดินทางช่วงครึ่งปีหลัง ประคับประคองธุรกิจในช่วงทยอยกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง หลังต้องทนพิษโรคโควิด-19 เล่นงานในครึ่งปีแรกอย่างสาหัส

จน ททท.ต้องปรับลดเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวไทยปี 2563 มาอยู่ที่ 1.23 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 8.28 แสนล้านบาท จากเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 12-14 ล้านคน ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทยตั้งเป้ารายได้ที่ 4.02 แสนล้านบาท จากเป้านักท่องเที่ยวไทย 80-100 ล้านคน-ครั้ง

แน่นอนว่ากลยุทธ์ที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรูทั่วไทยเริ่มเดินคือเรื่องของ“ความยืดหยุ่น” ในการเข้าพักและ  “ราคา” เพื่อกระตุ้นยอดจองห้องพักล่วงหน้า และตุนเงินสดเสริมสภาพคล่องในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องพึ่งตลาด “ไทยเที่ยวไทย” เพราะกว่าตลาดต่างชาติเที่ยวไทยจะกลับมา อาจต้องรอถึงปลายปี และยังต้องติดตามความคืบหน้าของการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศที่มีความเสี่ยงโรคโควิด-19 ต่ำเพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน หรือ “ทราเวล บับเบิล” อย่างใกล้ชิด

โดยก่อนหน้านี้ วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดือน มิ.ย.นี้บริษัทฯได้จัดโปรโมชั่นราคาห้องพักโรงแรมห้าดาว 2 แห่งในกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรีคอลเล็คชั่น โฮเทล และโรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ ด้วยข้อเสนอราคาห้องพักไม่รวมอาหารเช้า เริ่มต้นที่ 1,000บาทต่อคืน จากราคาปกติเริ่มต้นที่ 5,000 บาทต่อคืน

ด้านรายงานข่าวจากโรงแรมและรีสอร์ทเครือเซ็นทารา ระบุว่า ได้จัดแคมเปญ “Stronger Together” สำหรับสมาชิก CentaraThe1 เสนอขายห้องพักราคาพิเศษ เริ่มต้น 960 บาทสุทธิต่อคืนที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราทั่วไทย และสำหรับการเข้าพักตั้งแต่ 4 คืนขึ้นไป จะได้รับฟรีแพ็คเกจอาหารเช้าและเย็น ตลอดการเข้าพัก สามารถจองห้องพักและเข้าพักโรงแรมที่ร่วมรายการได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้ และสามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการเข้าพักโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ

ฟากกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้ออกโปรโมชั่นแพ็คเกจสำหรับครอบครัว สำหรับการเข้าพักที่โรงแรมอนันตรา หัวหิน รีสอร์ท ซึ่งกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 4,500 บาทต่อคืน รวมห้องพัก อาหารเช้า-อาหารค่ำ เมนูเด็กมื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ บริการนวดเท้า 30 นาที และกิจกรรมสำหรับเด็กฟรีที่คิดส์คลับ สำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันที่ 4มิ.ย.2563-31 ต.ค.2564

อีกหนึ่งเชนโรงแรมไทยที่รุกทำตลาดเปิดให้จองห้องพักข้ามปีคือกลุ่มบริษัทดุสิตธานี ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวแคมเปญ “ดุสิต แคร์ การ์ด” ให้ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรกำนัลเพื่อเข้าพักโรงแรมดุสิตธานีในประเทศไทยที่ร่วมรายการ ในราคาพิเศษ 2,888 บาทต่อคืน พร้อมอาหารเช้าสำหรับสองท่าน จองที่พักได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่31 ธ.ค.2564

ด้านรายงานข่าวจากเอ็กซ์พีเดีย แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ ระบุว่า จากการศึกษาข้อมูลการค้นหาผ่านทางเว็บไซต์ของเอ็กซ์พีเดียตลอดเดือน เม.ย.2563 พบว่ามีการค้นหาข้อมูลมากกว่า 5,000 ครั้ง โดยมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ต้องการเดินทางตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังพบคนไทยได้ค้นหาและวางแผนการเดินทางเป็นอย่างดี วันที่ที่ถูกเลือกสำหรับการเช็คอินแสดงถึงความมั่นใจที่มีมากขึ้นก่อนทำการจอง ชี้ให้เห็นว่าผู้เข้าชมมีแนวโน้มที่ต้องการเดินทางจริงและมีแผนการเดินทางในใจเรียบร้อยแล้ว

สำหรับจุดหมายที่คนไทยค้นหามากที่สุดเพื่อเช็คอินระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.2563 พบว่า 7 ใน 10 อันดับแรกเป็นเมืองท่องเที่ยวในประเทศไทย ดังนี้ ภูเก็ต 12.82%, กรุงเทพฯ 11.54%, เชียงใหม่ 4.88%, พัทยา 4.84%, โตเกียว ญี่ปุ่น 4.42%, กระบี่ 3.98%, เกาะสมุย 3.5%, โอซาก้า ญี่ปุ่น 2.88%, ตราด 2.8% และโซล เกาหลีใต้ 2.58%

และเมื่อมองไปถึงปี 2564 พบว่าจุดหมายยอดนิยม 10 แห่งที่มีการค้นหาเพื่อทำการการเช็คอินในช่วงเดือนช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ.2564 ส่วนใหญ่แล้วเป็นการเดินทางภายในประเทศเช่นกัน ได้แก่ โตเกียว ญี่ปุ่น 1.92%, ภูเก็ต 1.86%,กรุงเทพฯ 1.32%, ซัปโปโร ญี่ปุ่น 0.78%, โซล เกาหลีใต้ 0.76%, กระบี่ 0.68%, พัทยา 0.62%, เชียงใหม่ 0.60%, เกาะสมุย 0.40% และพังงา 0.38%