แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่

แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่

คาดนักลงทุนจะชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประชุม FOMC ในวันที่ 9 – 10 มิ.ย. รวมถึง Valuation ที่ตึงตัวของ SET (P/E 20 เท่า) จะกดดันดัชนี

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปิดบวก 2.96 จุด (+0.21%) ปิดที่ 1,439 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 1.05 แสนล้านบาท ช่วงเช้าดัชนีเปิดกระโดดแรงกว่า 13 จุด จากแรงซื้อกลุ่มธุรกิจน้ำมันตอบรับ OPEC+ ขยายเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1 เดือน  แต่ด้วย Valuation ของ SET ที่ค่อนข้างแพง (PE 20 เท่า) ทำให้ Upside ที่ดัชนีจะปรับขึ้นในระหว่างวันเป็นไปอย่างจำกัดส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรกดดัชนีเหลือบวกเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 788 ล้านบาท  , ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,455 ล้านบาท และ Net Short TFEX SET50  7,205 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,425 – 1,450 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นตามความคาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่ง อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงหลังซาอุฯจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค.เพื่อให้สอดคล้องกับโควตาการผลิตน้ำมันที่ได้รับจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประชุม FOMC ในวันที่ 9 – 10 มิ.ย. รวมถึง Valuation ที่ตึงตัวของ SET (P/E 20 เท่า) จะกดดันดัชนี

** 9 มิ.ย. ติดตามการประชุมครม.ประเด็นออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • MINT, CENTEL, ERW AOT
  • AMATA WHA EEC
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA, RS)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PLANB (ปิด 6.4 ซื้อ/เป้า 7.8) แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมาแต่เรายังมองว่า ณ ระดับราคานี้ยังไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของ PLANB เนื่องจากยังมีส่วนลด 50% จากระดับราคาเมื่อปี 2019 ขณะที่แนวโน้มผลกำไรของ PLANB มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีหน้า
  • SPA (ปิด 7.9 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 8.8) ทยอยสะสม SPA ได้ประโยชน์โดยตรงจากการที่ภาครัฐอนุญาติให้ร้านนวด และ สปา เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการได้เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยหรือยัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม และ สายการบิน และวันนี้ลุ้นภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหนุนการเข้าใช้บริการเร่งตัวขึ้น

บทวิเคราะห์วันนี้

EPG (ปิด 5.45 ซื้อ/เป้า 6.5), Thailand Strategy (แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) World Bank ยังมองลบ ล่าสุดปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงเป็นหดตัว 5.2% แย่กว่าที่ IMF คาดการณ์วาจะหดตัว 3%: ธนาคารโลก (World Bank) ออกรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 จะฉุดให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปีนี้ World bank ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้เป็นหดตัว 5.2% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.5% (มากกว่าหากเทียบกับที่ IMF คาดว่าจะหดตัวประมาณ 3%) และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังยืดเยื้อยาวนาน World bank คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้อาจจะหดตัวมากถึง 8% อย่างไรก็ตาม World Bank ยังมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีหน้าโดยคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ประมาณ 1%
  • (-) โรงกลั่นมี Sentiment จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มลดลง และซาอุฯ ประกาศขึ้นราคาขาย OSP ทำให้ต้นทุนโรงกลั่นเพิ่มเป็นลบต่อค่าการกลั่น: กลุ่มโรงกลั่นมี 2 Sentiment ลบ 1) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.36 ดอลลาร์ (-3.4%) ปิดที่ระดับ 38.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากซาอุฯ คูเวต และ UAE ระบุว่าจะยุติการลดกำลังการผลิตส่วนเกินจากข้อตกลงประมาณ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันไว้แค่เดือน มิ.ย. และ 2) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาซาอุดิอรามโก บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุฯ ประกาศขึ้นราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการ (OSP) ให้กับผู้ซื้อในตลาดเอเชียเพิ่มขึ้นเป็น +0.2$/bbl ( มี Crud premium จากราคาอ้างอิง) เทียบจากเดิมที่เป็น Crud discount ที่ -5.9$/bbl หรือเท่ากับว่าโรงกลั่นจะมีต้นทุนในการกลั่นเพิ่มขึ้น 6.1$/bbl ตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นไปกดดันให้ค่าการกลั่นลดลงและยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ ลุ้น ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และพรุ่งนี้ Fed meeting คาดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0-0.25% ตามเดิม: วันนี้ประชุม ครม. คาดที่ประชุมจะพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดยเราคาดว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะเป็นมาตรการแรกที่จะได้รับการอนุมัติเนื่องจากเป็นภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ Covid-19 มากที่สุด  ส่วนพรุ่งนี้ Fed meeting เรายังมั่นใจว่าเฟดจะยังเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป โดยคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% และเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE) แบบไม่จำกัดวงเงินตามเดิม สอดคล้องกับ CME Group คาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสสูงถึง 90%  นอกจากนี้ CME Group ยังคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ไปจนถึงต้นปีหน้า