เลือกเก็งกำไรรายตัวแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน ติดตามประชุมเฟด 9-10 มิ.ย.นี้

เลือกเก็งกำไรรายตัวแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน ติดตามประชุมเฟด 9-10 มิ.ย.นี้

ตลาดหุ้นฟื้นตัวจนถึงจุดที่ต้องเพิ่มความระวัง

ตลาดหุ้น Nasdaq ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่ดัชนี S&P ปรับขึ้นจนล้างขาดทุนที่เกิดขึ้นได้หมด และเริ่มให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยผลักดันด้วยความคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวผ่านจุดแย่งสุด แต่จากนี้ตลาดอาจเริ่มให้น้ำหนักกับอัตราเร็วในการฟื้นตัวมากขึ้น ประกอบกับหุ้นหลายตลาดฟื้นตัวขึ้นมาใกล้ระดับต่ำสุดก่อนปรับลดลงจากโควิด ทำให้นักลงทุนต้องเพิ่มความระวังความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะจากแรงทำกำไร หรือจากถ้อยแถลงของเฟด (ประชุม 9-10 มิ.ย.) ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินทรัพย์เสี่ยงรายหลักที่ผลักดันการฟื้นตัวของตลาดในรอบนี้ โดยอาจต้องระวังอัตราการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ชะลอลงอาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้น

ราคาน้ำมันอาจปรับลดช่วงสั้นหลังซาอุฯ ยืนยันจะผลิตเต็มโควต้า หลังจากก่อนหน้านี้ซาอุดิอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิตมากเกินกว่าที่กำหนด เพื่อช่วยตรึงราคาน้ำมัน ทำให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันก.ค.จะปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากหลายประเทศผลิตเกินสัดส่วนที่ตกลงไว้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่แผนขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับสูงถึง 9.7 ล้านบาร์เรล ขยายออกไปอีกเพียง 1 เดือนเป็นสิ้น ก.ค. หลังจากนั้นกลุ่มโอเปคและพันธมิตรจะปรับลดกำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล (ส.ค.-ธ.ค.63)  และ 5.8 ล้านบาร์เรล (ม.ค.-เม.ย.64)

มุมมองของเราเกี่ยวกับหุ้นพลังงาน/ปิโตรเคมี มองว่าตลาดให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ที่ดีขึ้น เป็นบวกกับการเก็งกำไรในช่วง มิ.ย.-ก.ค. แต่เป็นเพียงการเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุนเท่านั้น เนืองจาก 1) กลุ่มโรงกลั่น ต้นทุนจะขึ้นเร็วและแรงกว่ารายได้ ดังนั้นแม้อาจได้กำไรจากสต็อคตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่กำไรปกติจากการกลั่นน้ำมันจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว 2) กลุ่มสำรวจและผลิต แม้ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเป็นบวกต่อจิตวิทยากการซื้อขาย แต่ปัจจัยเฉพาะตัวของ PTTEP ในส่วนของราคาขายตามสัมปทานใหม่ของแหล่งบงกชและเอราวัณในปี 2565 ที่ลดลง จะทำให้กำไรของ PTTEP ในช่วงปี 2563-2566 เป็นขาลง การเก็งกำไรในระดับราเกิน เรามองเป็นโอกาสทยอยลดการลงทุนลง 3) กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC ที่มีต้นทุนจากก๊าซ (เฉลี่ยย้อนหลังจากราคาน้ำมัน 6 เดือน) จะโดดเด่นกว่า SCC (ต้นทุนจากแนฟธา ที่เคลื่อนไหวตามราคาน้ำมัน) จากต้นทุนที่ดีกว่า 4) กลุ่มปั๊มน้ำมัน คือผู้ได้ประโยชน์ตัวจริงจากภาวะอุปทานส่วนเกิน ทำให้ราคาซื้อจากโรงกลั่นไม่สูง ขณะที่อุปทานการเติมน้ำมันกลับมาเพิ่มหลังการเปิดเมือง บวกต่อ PTG และ SUSCO และอาจรวมถึง BCP ที่มีธุรกิจปั๊มน้ำมัน 5) ผู้ผลิตยางมะตอย อย่าง TASCO มีการสต็อควัตถุดิบไว้เยอะมากล่วงหน้า (ทำให้ขาดทุนหนักช่วงไตรมาส 1/63 ตอนราคาน้ำมันลง) ดังนั้นข่าวสหรัฐฯ กดดันเวเนซูเอลาจึงไม่กระทบต่อวัตถุดิบ ขณะที่ได้ผลบวกทั้งจากการเร่งใช้งบ รวมถึงกำไรจากสต็อตที่น่าจะพุ่งขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับขึ้นแรงในช่วงไตรมาส 2/63

ภาพรวมกลยุทธ์ โมเมนตัมยังเป็นบวกหากไม่หลุด 1420 สำหรับพลังงานมองการขึ้นรอบนี้โดยเฉพาะ PTTEP แถว 103-120 บาท เป็นโอกาสปรับลดน้ำหนักการลงทุน ทั้งนี้การเก็งกำไรควรคุมความเสี่ยงด้วยการตั้งขาดทุนทุกครั้ง  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  WHAUP*, CPF*, BBL*, PTG*

แนวรับ 1,420/ แนวต้าน : 1453 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

ประเด็นการลงทุน

ทรัมป์ถอนกำลังสลายม๊อบ เผยคุมสถานการณ์ได้แล้ว ทรัมป์สั่งถอนกำลัง National Guard ออกจากกรุงวอชิงตันดีซีแล้วพร้อมระบุสถานการณ์ยังสามารถควบคุมได้

สมคิดส่งออกมาตรการกระตุ้นบริโภค/ท่องเที่ยวในไตรมาส 3/63 – รองนายกฯ สมคิด เผยว่ารัฐบาลอยู่ในช่วงเร่งบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19 ที่มีต่อภาคธุรกิจและประชาชนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดเห็นมาตรการใหม่ช่วงไตรมาส 3/63 พร้อมเล็งปรับเงื่อนไข soft-loan BSF

ประเด็นติดตาม: 9 มิ.. – EU GDP 1Q20 /  10 มิ.. – US CPI พ.ค. / 11 มิ.. – FOMC meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)