รอยด่าง 'บิ๊กโจ๊ก' กับเส้นทาง สตช. ที่ปิดตาย?

รอยด่าง 'บิ๊กโจ๊ก' กับเส้นทาง สตช. ที่ปิดตาย?

ครบรอบปีเศษ หลัง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกย้ายออกจาก ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มาเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2562

ท่ามกลางความหวังจะหวนคืน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กับหนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ยังต้องลุ้นช็อตต่อช็อต กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ ที่จะเข้ามาคุมปทุมวัน แทน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ที่มีสองตัวเลือก คือ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 (นรต.36) กับ “บิ๊กนู” พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. รุ่น นรต.38

ทั้ง “สองแคนดิเดต” มีผลงานโดดเด่นและเป็นที่ไว้วางใจของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกทั้งมีกองเชียร์จากเพื่อนร่วมรุ่นคอยผลักดัน “บิ๊กปั๊ด” เก่งเรื่องความมั่นคงภายในประเทศ ส่วน “บิ๊กนู” มีความสัมพันธ์ที่ดีทางการจีน โดยเฉพาะดูแลปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ

เชื่อกันว่า ผบ.ตร. คนใหม่ เปรียบเสมือนตัวชี้วัดการหวนกลับ สตช. ของ “บิ๊กโจ๊ก” เพราะมีหน้าที่หาตำแหน่ง และเสนอชื่อเข้าที่ประชุม คณะกรรมการข้าราชตำรวจ (ก.ตร.) ในขณะที่ "บิ๊กโจ๊ก" ก็น่าจะลุ้นจนตัวโก่ง หากเป็น “บิ๊กนู” แม้เส้นทางจะไม่ราบเรียบเสียทีเดียว แต่ก็ยังมีโอกาส แต่ถ้าเป็น “บิ๊กปั๊ด” เพื่อนรัก “บิ๊กแป๊ะ” หนทางนั้นแสนจะมืดมิด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีความไม่ลงรอย ระหว่าง “บิ๊กแป๊ะ –บิ๊กโจ๊ก” ทั้งเรื่องการทำงานข้ามหน้าข้ามตา หากจำกันได้ ในสมัย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม คุมทั้งตำรวจ-ทหาร เคยมีหนังสือ ที่ลงชื่อโดย ผบ.ตร. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รายงานเหตุการณ์อุกฉกรรจ์ โดยตรงต่อ “บิ๊กโจ๊ก”

และความระหองระแหงยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพราะในขณะนั้น “บิ๊กโจ๊ก” ทำหน้าที่ดูแลการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ทำให้เด็กของ “บิ๊กแป๊ะ” พลาดตำแหน่งไปหลายคน จนถึงขนาดต้องร้องขอ ก็ยังไม่ให้รวมถึงปัญหาศูนย์ฝึกอบรมสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และรถตรวจการณ์อัจฉริยะ

แต่ที่มาแตกหัก เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก” ต้องการจะยกเลิก การจัดหาเครื่องตรวจอัตลักษณ์บุคคลทางกายภาพ หรือ ไบโอแมทริก ของ สตม.ที่เชื่อว่ามีความไม่ชอบมาพากันในการจัดซื้อจัดหา ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของ “บิ๊กแป๊ะ” จนรอยร้าวยากเกินจะประสาน

หลังจากนั้น "บิ๊กแป๊ะ" ได้มีคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังเกิดปัญหาการโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพันตำรวจ ถึง พันตำรวจเอก และเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 62 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติโอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักงานนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ “บิ๊กแป๊ะ” ได้มีคำสั่ง ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พ้นจากทุกตำแหน่งใน สตช.

และเมื่อต้นปี 63 ที่ผ่านมา “บิ๊กโจ๊ก” ออกมาเคลื่อนไหวอย่างหนัก เพื่อหาผู้อยู่เบื้องหลังลอบยิงรถยนต์ส่วนตัว บริเวณถนนสุรวงศ์ พื้นที่ สน.บางรัก ซึ่งนำไปเชื่อมโยงกับความขัดแย้ง การจัดหาเครื่องตรวจอัตลักษณ์บุคคลทางกายภาพ หรือ ไบโอแมทริก ของ สตม. กลายเป็นที่มาคำสั่งของ นายกรัฐมนตรี ขอให้รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ

แม้ "บิ๊กโจ๊ก" จะหายหน้าหายตาไปในช่วงหลัง แต่ข่าวคราวยังปรากฎในหน้าสื่อเป็นระยะ กับความหวังที่จะหวนคืน สตช. ยังต้องตามลุ้นไปอีกสองขยัก คือ ผบ.ตร. คนใหม่ ต้องเป็นคนที่คาดหวัง และได้ใบเบิกทางดีๆ จากทั้งสองบิ๊ก "บิ๊กตู่และบิ๊กป้อม" เท่านั้น ซึ่ง ณ เวลา นี้ มองทุกตัวแปร ทุกปัจจัยแล้ว ถือว่ายาก พอตัว