หุ้นพลังงาน-ปิโตรเคมีแต่ละตัวจะเป็นอย่างไรในภาวะน้ำมันขึ้นรอบนี้

หุ้นพลังงาน-ปิโตรเคมีแต่ละตัวจะเป็นอย่างไรในภาวะน้ำมันขึ้นรอบนี้

ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดี แต่....

หุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นแรงทุกตลาด หลังรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น (จากที่ตลาดคาดว่าจะยังปรับลดลง) อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าตัวเลขดังกล่าวมีข้อผิดพลาดเนื่องจากอาจไม่ได้รวมผลของผู้ว่างงานแบบชั่วคราว ซึ่งจะทำให้ตัวเลขว่างงานเม.ย.และพ.ค. อาจจะอยู่ที่ 19.7% และ 16.3% จากรายงานเดิมที่ 14.7% และ 13.3% อย่างไรตาม แม้อัตราว่างงานอาจสูงกว่าที่เคยรายงาน แต่ตลาดอาจยังให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด โดยเฉพาะหากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามา

ซาอุดิอาระเบียปรับเพิ่มราคาขายน้ำมัน (OSP) เป็นลบกับกลุ่มโรงกลั่น ราคาน้ำมันดิบตลาดต่างๆ ปรับบวกเพิ่มขึ้น 5-7% หลังโอเปคและพันธมิตร ตัดสินใจขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ที่จะสิ้นสุด มิ.ย.63 ออกไปอีก 1 เดือน ทั้งนี้ซาอุดิอาระเบียได้ทำการปรับเพิ่มราคาขายน้ำมันเดือนก.ค.ขึ้นเป็น +$0.20 เพิ่มขึ้นจากมิ.ย.63 ถึง $6.10 ผลจากการปรับเพิ่มราคาขาย (จากเดิมให้ส่วนลด กลายเป็นต้องซื้อแพงขึ้นจากราคากลาง) ผลกระทบเชิงลบที่สำคัญจะอยู่ที่กลุ่มโรงกลั่นซึ่งราคา

มุมมองของเราเกี่ยวกับหุ้นพลังงาน/ปิโตรเคมี มองว่าตลาดให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ที่ดีขึ้น เป็นบวกกับการเก็งกำไรในช่วง มิ.ย.-ก.ค. แต่เป็นเพียงการเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุนเท่านั้น เนืองจาก 1) กลุ่มโรงกลั่น ต้นทุนจะขึ้นเร็วและแรงกว่ารายได้ ดังนั้นแม้อาจได้กำไรจากสต็อคตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่กำไรปกติจากการกลั่นน้ำมันจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว 2) กลุ่มสำรวจและผลิต แม้ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเป็นบวกต่อจิตวิทยากการซื้อขาย แต่ปัจจัยเฉพาะตัวของ PTTEP ในส่วนของราคาขายตามสัมปทานใหม่ของแหล่งบงกชและเอราวัณในปี 2565 ที่ลดลง จะทำให้กำไรของ PTTEP ในช่วงปี 2563-2566 เป็นขาลง การเก็งกำไรในระดับราเกิน เรามองเป็นโอกาสทยอยลดการลงทุนลง 3) กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC ที่มีต้นทุนจากก๊าซ (เฉลี่ยย้อนหลังจากราคาน้ำมัน 6 เดือน) จะโดดเด่นกว่า SCC (ต้นทุนจากแนฟธา ที่เคลื่อนไหวตามราคาน้ำมัน) จากต้นทุนที่ดีกว่า 4) กลุ่มปั๊มน้ำมัน คือผู้ได้ประโยชน์ตัวจริงจากภาวะอุปทานส่วนเกิน ทำให้ราคาซื้อจากโรงกลั่นไม่สูง ขณะที่อุปทานการเติมน้ำมันกลับมาเพิ่มหลังการเปิดเมือง บวกต่อ PTG และ SUSCO และอาจรวมถึง BCP ที่มีธุรกิจปั๊มน้ำมัน 5) ผู้ผลิตยางมะตอย อย่าง TASCO มีการสต็อควัตถุดิบไว้เยอะมากล่วงหน้า (ทำให้ขาดทุนหนักช่วงไตรมาส 1/63 ตอนราคาน้ำมันลง) ดังนั้นข่าวสหรัฐฯ กดดันเวเนซูเอลาจึงไม่กระทบต่อวัตถุดิบ ขณะที่ได้ผลบวกทั้งจากการเร่งใช้งบ รวมถึงกำไรจากสต็อตที่น่าจะพุ่งขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับขึ้นแรงในช่วงไตรมาส 2/63

ภาพรวมกลยุทธ์ โมเมนตัมยังเป็นบวก และคาดตลาดแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน  1450 จุด ทั้งนี้การเก็งกำไรควรคุมความเสี่ยงด้วยการตั้งขาดทุนทุกครั้ง  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  WHAUP*, CPF*, BBL*, PTG*

แนวรับ 1,420/ แนวต้าน : 1450 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

ประเด็นการลงทุน

ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ พุ่งสวนคาดการณ์ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. พุ่ง 2.5 ล้านตำแหน่ง สวนทางตัวเลขประมาณการตลาดที่คาดลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง ขณะที่ อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดพุ่งขึ้น 19.5%

FTSE SET Index Series – ตลท.-FTSE Russell ประกาศผลทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่ใช้คำนวณใน FTSE SET Index Series (มีผล 22 มิ.ย.63) ดังนี้

FTSE SET Large Cap: (เข้า) CRC, DIF / (ออก) LH, MINT

FTSE SET Mid Cap: (เข้า) ACE, BAM, IMPACT, LH, MINT, TQM / (ออก) DIF

FTSE SET Shariah Cap: (เข้า) ACE, AI, CPNCG, PR9, SABINA, SPCG, TOP, TTCL, UV / (ออก) AH, AIT, BCH, BWG, BTSGIF, DCC, EAQSTW, ESSO, NYT, PRINC, PSH, SPRIME, DTAC

ประเด็นติดตาม: 9 มิ.. – EU GDP 1Q20 /  10 มิ.. – US CPI พ.ค. / 11 มิ.. – FOMC meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)