'อุตตม' พร้อมเคาะประชุมใหญ่ พปชร. 'จุรินทร์' ชี้ไม่กระทบ

'อุตตม' พร้อมเคาะประชุมใหญ่ พปชร. 'จุรินทร์' ชี้ไม่กระทบ

นายทะเบียน พรรคพลังประชารัฐ ปัดยื้อเวลา แจงทำตามขั้นตอนกฎหมาย "จุรินทร์" ชี้ปม พปชร. ไม่กระทบ-ปรับ ครม. ยังไร้สัญญาณ

ความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) หลังกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ลาออกเกินครึ่ง ส่งผลให้ต้องเลือกกก.บห.ชุดใหม่ ภายใน 45 วัน ซึ่งล่าสุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.ได้ออกมากดดันให้รักษาการหัวหน้าพรรคเร่งเรียกประชุม ล่าสุด วานนี้(6 มิ.ย.63) นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค พปชร. ตอบข้อถามผู้สื่อข่าว ถึงกระบวนการจัดประชุมใหญ่ของพรรค พปชร.ว่า การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมใหญ่ประจำปี โดยกฎหมายต้องดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง กก.บห.หรือไม่ และยืนยันว่าจะดำเนินการภายในกรอบเวลาไม่เกิน 45 วันนับแต่ตำแหน่งว่างลง

“ขณะนี้กำลังพิจารณากำหนดวัน ซึ่งจะดำเนินการโดยนายทะเบียนของพรรคเพื่อจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยมีวาระเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ และวาระอื่น ย้ำว่าไม่ได้จัดประชุมช้า เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าเมื่อไร” นายอุตตม ระบุ

นายทะเบียนพรรคแจงขั้นตอน

ขณะที่ นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.ในฐานะรักษาการนายทะเบียนพรรค เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการเตรียมการประชุมใหญ่ของพรรค ซึ่งจะมีการหารือกันในพรรคถึงการกำหนดวัน โดยจะต้องตรวจสอบการยื่นลาออกของ กก.บห.และหนังสือว่า ถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ เพื่อรายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบภายใน 15 วันตามกฎหมาย จากนั้นจะดำเนินการเรื่องประชุมของรักษาการ กก.บห.ว่าจะหารือได้วันใด

นายวิเชียร กล่าวด้วยว่า สำหรับการประชุมพรรค มีหลายอย่างที่ต้องดำเนินการ ทั้งเรื่องภาระตามกฎหมาย เรื่องตำแหน่ง กก.บห.ที่ว่างลง เรื่องรายงานกิจการในรอบปี เรื่องงบดุลประจำปี ซึ่งมีรายละเอียดมาก จึงต้องตรวจสอบให้มีความพร้อม ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เพื่อเป็นเงื่อนไขในการพิจารณากำหนดวันประชุม

ยืนยันไม่ได้ดึงเวลา

“ขอยืนยันว่าไม่ได้ดึงเวลา แต่เป็นการเตรียมความพร้อมมากกว่า ซึ่งตามข้อบังคับ หัวหน้าต้องแจ้งวันนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน และเตรียมจัดสถานที่ที่ต้องเว้นระยะห่าง ย้ำว่าคณะกรรมการบริหารพรรคต้องกำหนดวันร่วมกัน โดยกำลังนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคอยู่” นายวิเชียร กล่าว

ส่วนสมาชิกพรรคที่อาจเคลื่อนไหวด้วยการเข้าชื่อ เพื่อขอเปิดประชุมใหญ่เองนั้น นายวิเชียร กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่กระบวนการต้องดำเนินการตามกฎหมาย เป็นคนละเรื่องกับเกมการเมือง
ไม่รุนแรงถึงขั้นพรรคแตก

ทางด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะแกนนำ พปชร.ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ คนในข่าว FM 100.5 MCOT News Network โดยตอบข้อถามถึงความขัดแย้งภายในพรรคว่า หากจะถามว่า จบหรือไม่จบ พูดไปก็เหมือนโกหก แต่หากถามว่า มีอะไรรุนแรงหรือไม่ ต้องตอบว่า ไม่มี เพราะพรรคการเมืองจะหยุดทำงานไม่ได้ และจะหยุดเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้

แต่หากถามผู้คนภายในพรรคทะเลาะกันหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่มี เพียงแต่อาจจะเป็นความคิดเห็นที่ออกไปแล้วมีสื่อนำไปขยายความ หรือแสดงความเห็นว่า คนใดเหมาะหรือไม่เหมาะกับตำแหน่งใด แล้วนำไปแนะนำกับผู้บริหารสูงสุด ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งก็มีลักษณะของความชอบ และความไม่ชอบส่วนตัวที่ปะปนไปด้วย ต้องบอกว่า สื่อกลุ่มใหญ่ๆ ก็สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่สื่อนั้นๆ ชื่นชอบได้

“เรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐไม่รุนแรงถึงขั้นพรรคแตกแน่นอน ผมยืนยัน และ เรื่องของคำว่าพรรคแตก มันก็เป็นความรู้สึกของสื่ออีกนั่นแหละ ที่มองว่า ถ้าเป็นอย่างนี้จะแตกนะ เพราะบางทีเขาอาจจะรัก เขาหวงบางส่วนที่เขารักของเขาอยู่ ทำให้เหมือนกับว่า มันรุนแรง แต่ถ้าหากว่าเป็นไปตามธรรมชาติ มันคงไม่ใช่ ดังนั้น บทบาทของสื่อมีผลกระทบกับการเมืองมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ ถ้าสื่อที่ทำเป็นกลุ่มเป็นก้อนจะสามารถเบี่ยงเบนทั้งความจริงและไม่จริงได้ ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง” นายสมศักดิ์ กล่าว

ชี้การปรับกก.บห.ไม่ควรเกินปี

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่ กก.บห.ลาออก 18 คน ไม่ใช่เพราะคนในพรรคไม่เอาชุดนี้ เพียงแต่ว่า กก.บห.ชุดนี้เปิดทางให้สมาชิกเลือกผู้บริหารใหม่ ถือเป็นความใจกว้าง ซึ่งอาจจะเลือกคนเดิมได้

"ผมมากลางๆ ชี้ให้เห็นว่า การปรับเปลี่ยนของพรรคการเมืองหลังจากการเลือกตั้งนั้น ไม่ควรจะเกิน 1 ปี ทุกพรรคก็ปฏิบัติมาเช่นนี้ เขาจะมีการพูดคุย สังคายนา ถ้าพอใจ กก.บห.ชุดเดิม เขาก็จะเลือกเข้ามาอีก แต่บางทีความรักของคนบางกลุ่มที่มีต่อ กก.บห.ชุดต่างๆ เขาก็อาจจะเอามาพูด ให้ดูรุนแรง แต่จริงๆ คนในพรรคไม่มีรุนแรง และผมไม่ได้คิดจะเอาอะไรเลย แต่ผมต้องการให้พรรคเป็นที่ครองใจของประชาชน อาจจะทำไม่ได้ทั้งหมด” นายสมศักดิ์ กล่าว

“ประวิตร” ตรงไปตรงมา

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่พร้อมนั่งหัวหน้า พปชร.นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ไปถาม พล.อ.ประวิตร ทุกวัน ท่านเป็นคนซื่อ ถามท่านไปท่านก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ตนก็เข้าใจท่านไม่มีอะไรหรอก ท่านตรงไปตรงมา

ส่วนที่หลายคนบอกว่า พล.อ.ประวิตร เอาอยู่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนในพรรคให้ความเคารพ และให้ความเชื่อถือในตัว พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นทุนเดิมที่มีอยู่ในขณะนี้ ส่วนหนึ่งก็สนับสนุน แต่พล.อ.ประวิตร จะรับหรือไม่รับก็อย่างที่เห็นอยู่ บางคนก็เสียดายของเก่า แต่ตนบอกว่าไม่ต้องเสียดายหรอก ไปช่วยกันดูเรื่องของสมาชิกพรรคที่จะลงคะแนนให้ดีกว่า คือถ้ายิ่งขยายความออกไป บางครั้งถ้าขยายไปในทางที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง ก็จะดูเหมือนว่าพรรคเรามีปัญหา เป็นเพราะกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจแล้วอยู่ตรงกลางและสื่อออกไปในลักษณะที่อยากให้เป็น ซึ่งตนคิดว่า อย่าพูดกันดีกว่า เรื่องการเมืองตอนนี้ ถ้าพูดไปแล้วเอาไปตีความผิดๆ ถูกๆ จะเกิดความเสียหาย

ขอ 6 เดือนโชว์ผลงานก่อนปรับ

เมื่อถามว่าอยากเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิดอยากเปลี่ยนกระทรวง ตนเป็นนักการเมือง ตนรู้ว่าวันนี้ควรจะทำอะไร เราจะคิดเป็นอื่นไม่ได้ จะทำอะไรให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นสุข ได้ประโยชน์จากการทำงานของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม

“ถ้าไปแย่งเพื่อผลประโยชน์เพื่อคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนั้น คือคิดผิด ผมว่าไม่ต้องไปสู้รบปรบมือ ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์ดีกว่า ผมไม่มีปัญหา ผมอยู่ตรงนี้ ผมทำงานได้ ถ้าอยากเห็นผมในตำแหน่งอื่น ให้เวลาผมอีก 6 เดือน ผมว่าจะเห็นชัดแล้วว่า สิ่งที่ผมเข้ามาทำตรงนี้ ผมไม่ใช่นักสังคม สงเคราะห์ ผมเป็นสายวิทยาศาสตร์ แต่ผมทำได้ถ้ายุติธรรมกับผม ให้ผมอยู่อย่างน้อย 6 เดือน ผมจะทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรม และผมก็มั่นใจว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเห็นอยู่ และจะได้เห็นชัดเจนในกระทรวงยุติธรรม” นายสมศักดิ์ กล่าว

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นครรลองประชาธิปไตย หากหยิบเรื่องการปรับเปลี่ยนอย่างเดียว ก็จะทะเลาะกัน มีคนจ้องจะเอาเรื่องแค่ประโยคเดียวไปตีความได้ทั้งหมด พี่น้องประชาชนขาดทุน ตนก็ออกมาร้องขอสมาชิกพรรคว่า จะต้องระมัดระวังเรื่องการสื่อออกไป เพราะเกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิด ทั้งที่ทุกอย่างออกมาดี

เมื่อถามต่อว่า การปรับคณะรัฐมนตรีรอบนี้ จะทำให้การทำงานก้าวหน้ากว่าเดิมหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่พูดเรื่องปรับ ครม. อย่าไปถาม ตนพูดในแนวของการเมืองว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องทำให้ดี หาคนให้ดี แต่อำนาจเป็นของนายกฯ

ปมพปชร.ไม่กระทบปชป.

ทางด้านนายจุรินทร์​ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ​และ รมว.​พาณิชย์​ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบข้อถามผู้สื่อข่าว ที่ จ.เชียงใหม่ ขณะลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ถึงปัญหาในพรรค พปชร.จะส่งผลกระทบรัฐบาลหรือไม่​ว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องปัญหาภายในของ พปชร.กับเรื่องคณะรัฐมนตรี เป็นคนละประเด็นกัน เรื่องของ พปชร.ไม่สามารถออกความเห็นได้ เพราะเป็นเรื่องภายในพรรค

แต่เรื่องของการปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลมองว่า คณะรัฐบาล​ดีอยู่แล้ว เรื่องการปรับปรุงรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าคณะรัฐบาล ก็คือนายกฯ ที่จะต้องเป็นผู้นับหนึ่งในการที่จะดำเนินการ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีสัญญาณจากท่านนายกฯ ที่ส่งมา