3 บจ.ดัน ‘กรีนเอิร์ธ’ เข้าตลาดหุ้น

3 บจ.ดัน ‘กรีนเอิร์ธ’ เข้าตลาดหุ้น

"เอสเอ็นซี-อีซีเอฟ-เมตะ" เตรียมดันบริษัทร่วมทุน “กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์” จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมตั้ง "คันทรี่ กรุ๊ป" เป็นที่ปรึกษาการเงิน คาดยื่นไฟลิ่งได้ภายในปี 64 ด้าน "อารักษ์” แจง จ่อบันทึกกำไรธุรกิจโรงไฟฟ้ามินบูปีนี้ราว 40 ล้าน

นายออง ทีฮา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ GEP เปิดเผยว่า  บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจและเป็นเงินหมุนเวียนโดยล่าสุดได้มีการแต่งตั้ง บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว 215.75 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ  2.15 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยมี บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ถือหุ้นสัดส่วน 40%, บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ถือหุ้นสัดส่วน 20%, บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META และบริษัท Noble Planet PTE. Ltd. (NP) ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 40%

ขณะที่มีโครงการที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู กำลังการผลิตติดตั้ง 220 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งบริษัทได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมาให้พัฒนาและดำเนินงานแบบ BOT ระยะเวลาสัญญา 30 ปี  มีอัตรารับซื้อไฟ  0.1275 ดอลลาร์ต่อหน่วย  โดยแบ่งระยะเวลาก่อสร้างเป็น 4 เฟส ซึ่งเฟส 1 กำลังการผลิต 50 MW จ่ายไฟเข้าระบบ (COD) แล้ว ส่วนที่เหลือโครงการเฟส 2-4 กำลังการผลิตรวม 170 MW คาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนภายในปี 2564

นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คันรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเชอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ปัจจุบัน GEP อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างทางการเงินและโครงสร้างการดำเนินธุรกิจให้มีความเหมาะสมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และอยู่ระหว่างเตรียมแบบรายการแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งได้ภายในปี 2564

“ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้ว่า GEP จะเข้าจดทะเบียนในSET  หรือ mai เนื่องจากเดิม  GEP มีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการเฟส 2-4  เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการเสนอขายหุ้นใหม่สัดส่วนราว 30% ของหุ้นทั้งหมด”

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF กล่าวว่าคาดว่าบริษัทจะต้องใส่เงินเพิ่มทุนในบริษัทร่วมทุนดังกล่าวอีกประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 20% เอาไว้ ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้ามินบูได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วจำนวน 50MW ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทรับรู้ผลกำไรจากเงินลงทุนปีนี้ประมาณ 40 ล้านบาท และหากโครงการดังกล่าวจ่ายไฟเข้าระบบครบ 220 MWในปี 2564 จะทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทคาดรายได้ปีนี้เติบโต 10-12% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,301 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้บริษัทยังมีออร์เดอร์ตลาดต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในประเทศสหรัฐ, จีน, อินเดีย และฟิลิปปินส์ จากเดิมที่มีเพียงกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง