'ฮ่องกง' ในเกมศึกจีน-สหรัฐ

'ฮ่องกง' ในเกมศึกจีน-สหรัฐ

ไขข้อข้องใจ ฮ่องกงจะเป็นอย่างไร ในศึกระหว่างจีนกับสหรัฐครั้งนี้ และทำไมรัฐบาลจีนถึงกล้าตัดสินใจออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับใช้ในฮ่องกง ทั้งๆ ที่คาดว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมประท้วงต่อต้าน ที่อาจสุมไฟความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐให้แรงขึ้น

สงสัยไหมครับว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลจีนจึงกล้าตัดสินใจออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับใช้ในฮ่องกง ทั้งๆ ที่น่าจะคาดการณ์ได้ว่า การผลักดันกฎหมายดังกล่าวในช่วงเวลานี้ จะเป็นการยกระดับการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกง สุมไฟความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐให้แรงขึ้น ทั้งอาจนำไปสู่มาตรการตอบโต้ของสหรัฐต่อฮ่องกงด้วย

การตัดสินใจของรัฐบาลจีน สะท้อนให้เห็นว่าจีนในยุคสีจิ้นผิง ให้ความสำคัญกับความมั่นคงและความเป็นปึกแผ่นของชาติเหนือกว่าประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยจีนพร้อมที่จะแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสงครามการค้าที่จะทวีความรุนแรงขึ้น แต่สิ่งที่จีนยอมไม่ได้คือ ความวุ่นวายและการฉีกหน้ารัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง

คำถามน่าคิดถัดมาก็คือ สหรัฐมีไพ่อยู่ในมือที่จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจจีนอย่างหนักได้หรือไม่? ในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะทบทวนสถานะของฮ่องกง ซึ่งจะส่งผลให้ฮ่องกงไม่ได้รับสิทธิพิเศษในทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ดังเดิม อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้แถลงรายละเอียดที่ชัดเจนว่า จะใช้มาตรการรูปธรรมใดบ้างในการจัดการกับฮ่องกง

เอาเข้าจริง สหรัฐไม่ได้มีไพ่ในมือมากมายนักที่จะจัดการจีน ลองคิดดูสิครับ หากสหรัฐเพิกถอนสถานะพิเศษทางการค้าของฮ่องกงจริง ย่อมจะส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐ และบริษัทตะวันตกจำนวนมากในฮ่องกง รวมทั้งส่งผลลบต่อเศรษฐกิจฮ่องกง แต่กลับจะไม่ส่งผลลบอะไรมากมายต่อเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่  

การเพิกถอนสถานะพิเศษทางการค้าจะส่งผลให้สินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐจากฮ่องกงจะถูกเก็บภาษีในอัตราภาษีเดียวกับสินค้าที่ส่งออกจากประเทศจีน อัตราภาษีใหม่จะเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจฮ่องกง ในขณะที่เศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่กลับจะได้รับผลสะเทือนน้อยมาก เนื่องจากในปัจจุบันมีสินค้าจีนเพียงแค่ 8% เท่านั้นที่ส่งออกไปยังสหรัฐผ่านทางฮ่องกง

แถมทุกวันนี้เศรษฐกิจของจีนพึ่งพาฮ่องกงน้อยมาก ความสำคัญของฮ่องกงต่อเศรษฐกิจจีนลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเนื่องหลายสิบปีแล้ว ในปี ค.ศ.1997 ที่เกาะฮ่องกงกลับคืนสู่การปกครองของจีน ตอนนั้นขนาดเศรษฐกิจของฮ่องกงคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 18% ของตัวเลข GDP จีน แต่ในปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจของฮ่องกงคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของตัวเลข GDP จีนเท่านั้น

พูดง่ายๆ ก็คือ รัฐบาลจีนคงบวกลบคูณหารแล้วว่า ถึงสหรัฐจะออกมาตรการตอบโต้และเพิกถอนสิทธิพิเศษเพื่อลงโทษฮ่องกง คนที่จะเจ็บตัวก็คือบริษัทสหรัฐ และบริษัทตะวันตกในฮ่องกง รวมทั้งส่งผลลบต่อเศรษฐกิจฮ่องกง แต่ไม่ได้มีผลร้ายแรงอะไรต่อเศรษฐกิจจีนในภาพรวม

อย่างไรก็ตาม ก็มีนักวิเคราะห์มองว่า สหรัฐ จริงๆ แล้วมีหมากไม้ตายที่จะทำให้รัฐบาลจีนเจ็บตัวอย่างหนักหนาสาหัสได้ นั่นก็คือ หากสหรัฐประกาศมาตรการตัดฮ่องกงออกจากระบบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยห้าม Hong Kong Monetary Authority ในการเข้าเคลียริ่งดอลลาร์สหรัฐ คราวนี้เจ็บร้าวไปถึงทุนจีนและทุนปักกิ่งแน่นอน

ถ้าสหรัฐใช้หมากเด็ดนี้ ย่อมจะกระทบเศรษฐกิจจีนอย่างหนักหนาสาหัส เพราะในปัจจุบันบริษัทจีนจำนวนมากอาศัยการระดมทุนจากต่างชาติด้วยการเข้าลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง โดยที่ฮ่องกงได้กลายมาเป็นแหล่งระดมทุนของบริษัทในจีนที่ดีที่สุด เพราะสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลกได้ อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตฮ่องกงไม่สามารถทำการเคลียริ่งดอลลาร์สหรัฐได้อีกต่อไป นักลงทุนต่างชาติคงจะหันไปลงทุนยังแหล่งอื่นและบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ของจีนก็คงต้องหาแหล่งเงินทุนแหล่งใหม่

แต่ปัญหาสำหรับสหรัฐก็คือ ไม้เด็ดที่ว่ามานี้ ถ้าเลือกใช้จริง ก็มีความเสี่ยงสูงเหมือนกันที่จะเป็นบูมเมอแรงวกกลับมาทำลายสหรัฐเองด้วย เพราะนักลงทุนที่สนใจลงทุนในบริษัทจีนเองก็คงจะหาเงินสกุลอื่นมาแทนการใช้ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจจะเป็นสกุลเงินยูโรหรือสกุลเงินหยวน (หรือหยวนดิจิทัล)

ผลคือ สกุลเงินหยวนหรือหยวนดิจิทัล อาจเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้นเพราะการกระทำของสหรัฐเอง ดังนั้น เมื่อบวกลบคูณหารแล้วนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า รัฐบาลสหรัฐคงไม่เลือกใช้ไม้เด็ดนี้ ซึ่งแม้จะทำลายปักกิ่งได้ แต่ก็มีโอกาสจะวกกลับมาทำลายสหรัฐ และสถานะของดอลล่าร์สหรัฐในระยะยาวเองด้วย

ก่อนตัดสินใจออกกฎหมายความมั่นคงสำหรับฮ่องกง รัฐบาลจีนจึงน่าจะประเมินแล้วว่า มาตรการตอบโต้ที่เลวร้ายที่สุดที่สหรัฐจะทำได้ สุดท้ายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนักต่อเศรษฐกิจจีน คนที่จะเจ็บตัวหนักคือเศรษฐกิจฮ่องกง และบริษัทสหรัฐ และตะวันตกในฮ่องกงต่างหาก ซึ่งเดิมเคยใช้ฮ่องกงเป็นฐานการเงินเชื่อมเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่และเศรษฐกิจเอเชีย

ในมุมจีนแล้ว จีนต้องการวางตำแหน่งฮ่องกงใหม่ หากสหรัฐออกมาตรการจัดการฮ่องกง ซึ่งอาจส่งผลให้ฮ่องกงสิ้นศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค แต่สำหรับจีนแล้ว แนวทางขั้นต่อไปคือจะปรับฮ่องกงเข้ามาเชื่อมเข้ากับเขตเศรษฐกิจ GBA (The Greater Bay Area) ของจีน ซึ่งเชื่อมมหานครเสินเจิ้น เข้ากับมณฑลกวางต่งเขตมาเก๊า และเขตฮ่องกง โดยฮ่องกงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเงินของพื้นที่เศรษฐกิจใหม่นี้

สรุปคือ ถึงแม้สหรัฐจะบีบจนฮ่องกงสูญสิ้นความเป็นศูนย์กลางการเงินเอเชีย ผลก็จะเข้าทางจีนอยู่ดี นั่นเพราะยิ่งจะเป็นการเร่งการผนวกและกดดันให้เศรษฐกิจฮ่องกงต้องพึ่งพิงจีนแผ่นดินใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีกครับ