ถกคลายล็อก 12 กิจการ เล็งปลด 'อาบอบนวด-คอนเสิร์ต' นายกฯห่วงคนทะลักบางแสน

ถกคลายล็อก 12 กิจการ เล็งปลด 'อาบอบนวด-คอนเสิร์ต' นายกฯห่วงคนทะลักบางแสน

ศบค.ชุดเล็กจ่อถก 12 กิจการ-กิจกรรมเสี่ยงสูง ก่อนชงชุดใหญ่คลายล็อก เฟส 4 “วิษณุ” เผยกลางเดือนนี้ถกยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนนายกฯ ยังห่วงคนทะลักชายหาดบางแสน ผู้ว่า ททท. เผยมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวใกล้สรุปคาดใช้ช่วงเดือนก.ค.-ต.ค.นี้

ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ในประเทศไทย ณ วันที่ 4 มิ.ย. โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ระบุถึงจำนวนผู้ป่วย โควิด-19 รายใหม่ 17 ราย เป็นคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มประเทศ ได้แก่ 1.ประเทศคูเวต 13 ราย เป็นชายไทย 12 ราย อายุ 31-56 ปี และหญิงไทย 1 ราย อายุ 44 ปี กลับถึงไทยวันที่ 24 พ.ค. จำนวน 9 ราย และวันที่ 26 พ.ค. จำนวน 4 ราย เข้าพักสถานกักกัน กทม. 5 ราย และ สมุทรปราการ 8 ราย โดยทุกคนตรวจพบเชื้อในครั้งที่สอง

2.ประเทศกาตาร์ 2 ราย เป็นชายอายุ 24 ปี และหญิงอายุ 29 ปี กลับมาถึงไทยเมื่อ 22 พ.ค. เข้าพักสถานกักกันที่ จ.สมุทรปราการ โดยทั้ง 2 ราย ตรวจพบเชื้อในครั้งที่สอง และ 3.ซาอุดิอาระเบีย 2 ราย เป็นชายไทยอายุ 28 และ 29 ปี กลับถึงประเทศไทยผ่านด่านปาดังเบซาร์ เมื่อ 21 พ.ค. เข้าพักสถานกักกันที่ จ.สงขลา โดยทั้ง 2 รายตรวจพบเชื้อในครั้งที่สอง

สำหรับภาพรวมผู้ป่วยสะสมรวม 3,101 ราย กลับบ้านแล้ว 2,968 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 75 ราย และเสียชีวิตสะสม 58 ราย

“ประเทศต้นทางที่คนไทยกลับมาจากคูเวต พบป่วยติดเชื้อมากที่สุด กลับมา 174 คน เจอ 30 คน วันนี้เพิ่มมา 13 คน ซาอุดิอารเบีย กลับมา 79 คน เจอ 12 คน จะเห็นว่าในประเทศคูเวตเองผู้ป่วยก็ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด เมื่อพิจารณาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคนที่กลับเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นรับจ้างทั่วไป นักเรียน เกษตรกร พนักงานนวด ค้าขายธุรกิจ และว่างงาน”

ผู้ป่วยจากต่างประเทศมีอาการ55%

หากนับจากผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 640 ราย พบว่า มีอาการ 55% ถ้าช่วงวันที่ 1 พ.ค. - 3 มิ.ย. จะพบว่าไม่มีอาการเยอะกว่าคือ 64% อาจจะเป็นนักเรียนนักศึกษา วัยทำงานที่แข็งแรงทำให้ติดเชื้อไม่มีอาการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 มิ.ย.2563 นับเป็นความต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากในประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค.2563 โดยผู้ป่วยรายใหม่ที่มีรายงานในประเทศแต่ละวันช่วง 10 วันที่ผ่านมา เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งติดเชื้อมาจากต่างประเทศ

โฆษก ศบค.ยังชี้แจงถึงการผ่อนปรนมาตรการ ในระยะที่ 4 ว่า เป็นกลุ่มกิจการและกิจกรรมสีแดง หรือมีความเสี่ยงสูง การจะอนุญาตกิจการกิจกรรมใดนั้น ทาง ศบค.ชุดเล็ก ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องหารือว่าจะมีมาตรการ หรือวิธีการใดในการป้องกันและควบคุมการแพร่โรค โดยจะมีการนัดหมายกับทางคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งโรคโควิด-19 ที่มีพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นประธาน เพื่อหารือกันต่อไป

ถกคลายล็อก12กิจการสีแดง

นพ.ทวีศิลป์ ยังระบุถึง กิจการและกิจกรรม 12 ประเภท ที่จะมีการหารือ ได้แก่ 1. โรงเรียนและสถาบันการศึกษา จะจัดการเรียนการสอนอย่างไร 2. การถ่ายทำรายการ ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ ซึ่งจำกัดคนเลข 2 หลัก แต่มีการบอกว่าฉากใหญ่จะทำอย่างไร คนต้องมากกว่านี้ ดังนั้น มีวิธีการอะไรต้องมาเสนอ จะควบคุมคน 200-300 คน ทำอย่างไรถึงไม่ติดโรค

3. สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา โรงยิม ซึ่งมีการเปิดเพื่อการซ้อมต่างๆ จะเพิ่มการแข่งขันกีฬาได้หรือไม่ 4. สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุ เดิมให้เฉพาะคนที่ค้างอยู่แล้ว จะให้มีคนไปกลับได้หรือไม่ จะมีมาตรการอย่างไร 5. อุทยานแห่งชาติ สวนรุกขชาติ เป็นเฉพาะสถานที่ส่วนราชการกำหนดและสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้

6. การจัดแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี งานอีเวนต์ จัดแสดงสินค้า พื้นที่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร 7. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 8. ชายหาด ชายทะเล จะมีการหารือกันต่อ อย่างที่เป็นตัวอย่างข่าว ก็จะเรียนรู้ร่วมกันว่าจะทำอย่างไร 9. ห้องประชุม มากกว่า 200 คนจะทำอย่างไร

10. สวนสนุก สวนน้ำ สนามเด็กเล่น ร้านเกม เป็นกิจการระดับรากหญ้าจะเกิดขึ้นอย่างไร 11. สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ และ 12. สถานบริการอาบอบนวด ที่เป็นสีแดงจัดๆ เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก พูดคุยกันก็ต้องมองในหลายมิติ

ถกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินกลางมิ.ย.

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตั้งคณะกรรมการพิจารณา กฎหมายรองรับภายหลังจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สิ้นสุด มิ.ย.นี้ว่า ยังจะต้องใช้เวลาประเมินสักระยะหนึ่ง “ขณะนี้ผมเป็นผู้ดูคร่าวๆเพียงคนเดียว ยังไม่ได้มีการตั้งทีม หรือคณะขึ้นมาพิจารณา แต่เชื่อว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวประมาณกลางเดือนมิ.ย.นี้”

นายกฯขู่คนทะลักลาก“เฟส 5”

ขณะที่ พล.อ​.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรี​ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีประชาชนแห่ไปเที่ยวรวมตัวกันจำนวนมากโดยเฉพาะหาดบางแสน​ จ.ชลบุรี​ ว่า ขอให้ช่วยเตือนกันหน่อยว่า มันอันตราย​ ซึ่งตนเห็นภาพข่าวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ​ สิ่งเหล่านี้อันตรายที่สุด ตนไม่อยากให้เกิดขึ้น แม้จะเห็นใจประชาชนแต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นในลักษณะนี้อีก

“วันนี้ต้องน่าดีใจเราพบผู้ติดเชื้อจริงๆ คือในสถานที่กักตัวของรัฐ พื้นที่ทั่วไปสถิติข้างนอกยังน้อยอยู่ แต่ในเหตุการณ์ที่บางแสนยอมรับว่ารู้สึกกลัว”

เมื่อถามว่า มีแนวโน้มที่การพิจารณ ผ่อนคลายในระยะที่ 4 จะมีระยะเวลาสั้นลงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า ต้องดูอย่างเช่นที่หาดบางแสน จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ถ้าสถานการณ์ดีก็จะปล่อยเข้าสู่การผ่อนคลายระยะที่ 4 แต่ถ้าสถานการณ์แรง อาจทอดเวลาไประยะที่ 5 การพูดวันนี้ก็คือวันนี้ แต่อนาคตจะเกิดอย่างไรยังไม่รู้ เราต้องเตรียมความพร้อมไว้

ผู้ว่าททท.เผยใกล้เคาะมาตรการฯ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกับนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศว่า มาตรการดังกล่าวจะสรุปภายในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่ามาตรการที่สรุปจะเริ่มนำมาใช้ในระหว่างเดือนก.ค.-ต.ค.นี้

สำหรับข้อเสนอเรื่องการแจกเงินและแจก Gift Voucher เป็นหลายๆ แนวคิดที่ถูกนำเสนอ เพื่อช่วยการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ หลังจากที่การท่องเที่ยวภายในประเทศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศหายไปจากประเทศ และรวมถึงนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศด้วย

“มาตรการที่จะออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ นอกเหนือจากแจกเงินให้คนไทยเที่ยวกันเองในประเทศแล้ว ยังจะมีโครงการให้หมอและพยาบาล และรวมถึง อสม.ทั่วประเทศที่มี 1.2 ล้านคน ได้เดินทางไปท่องเที่ยวและดูงานในประเทศด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนที่บุคลากรเหล่านั้นทำงานอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับโควิดในช่วงที่ผ่านมา”

ทั้งนี้ มาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวที่จะนำออกใช้ในครั้งนี้นั้นจะพิจารณาให้เกิดความคุ้มค่าต่องบประมาณให้มากที่สุด ซึ่งเชื่อว่า จะช่วยพยุงสถานการณ์ของการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาสที่4ของปีนี้ให้กลับมาดีขึ้น โดยในปี 2563 ททท.ได้คาดการณ์รายได้จากการท่องเที่ยว ก่อนที่จะมีโควิด -19 ว่า จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดราว 1.2 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ 4-5 แสนล้านบาท จะมาจากนักท่องเที่ยวคนไทยที่เที่ยวในประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวออกมาว่า ททท.จะเสนอมาตรการแจกเงินให้กับคนในประเทศคนละ 3 พันบาท จำนวน 4 ล้านคน เพื่อให้ท่องเที่ยวในประเทศ.