'ดาวโจนส์'ปรับตัวกรอบแคบหลังคาดอัตราว่างงานมีแนวโน้มลดลง

'ดาวโจนส์'ปรับตัวกรอบแคบหลังคาดอัตราว่างงานมีแนวโน้มลดลง

ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(4 มิ.ย.) ไร้ทิศทาง หลังกระทรวงแรงงานเผยอัตราการว่างงานสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งแตะ 19.8% ในเดือนพ.ค. จะสามารถลดลงต่ำกว่าระดับ 10% ในสิ้นปีนี้ เนื่องจากขณะนี้แรงงานสหรัฐกำลังกลับเข้าทำงาน จากการเปิดเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 11.93 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 26,281.82 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 10.52 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 3,112.35 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 67.10 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 9,615.81 จุด

นายยูจีน สคาเลีย รมว.แรงงานสหรัฐ กล่าวว่า อัตราการว่างงานสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งแตะ 19.8% ในเดือนพ.ค. จะสามารถลดลงต่ำกว่าระดับ 10% ในสิ้นปีนี้ เนื่องจากขณะนี้แรงงานสหรัฐกำลังกลับเข้าทำงาน จากการเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่ หลังจากที่ถูกปลดออกจากงานก่อนหน้านี้ โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ นายสคาเลียยังกล่าวว่า บรรดานายจ้างอาจเสนอให้เงินโบนัสเพื่อเป็นมาตรการจูงใจให้แรงงานกลับเข้าทำงาน

ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์(5มิ.ย.)กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 8.33 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค.

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าระดับ 10.8% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 24.9% ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการว่างงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่

การลดลงของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก