การผ่อนปรนระยะ 4 กับสิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง

การผ่อนปรนระยะ 4 กับสิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง

การพิจารณาผ่อนปรนกิจกรรมระยะที่ 4 จึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐควรที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะอยู่ในอัตราต่ำ โดยภาครัฐควรรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ว่าจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร เพื่อพาประเทศไทยพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าหลังวิกฤติ

สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับหลายประเทศ โดยศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานข้อมูลเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2563 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 17 ราย ทั้งหมดเป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานกักกันที่ภาครัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยสถิติในช่วงหลังส่วนใหญ่จะพบผู้ติดเชื้อจากผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักกันที่ภาครัฐจัดไว้ให้

ส่วนอีกด้านการล็อกดาวน์และการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารงานในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือน มี.ค.2563 ทำให้จำกัดการออกจากบ้านและกิจกรรมต่างๆ ในสังคม และเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นได้มาการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวตามลำดับ และทำให้ช่วงที่ผ่านมามีประชาชนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการออกมาเที่ยวในสถานที่ต่างๆ จนทำให้เห็นภาพมีประชาชนจำนวนมากติดบนท้องถนนในเส้นทางไปหาดบางแสน​ จ.ชลบุรี

ในขณะที่การผ่อนปรนกิจกรรมได้มาถึงระยะที่ 3 และกำลังจะเข้าระยะที่ 4 ที่กำลังพิจารณาผ่อนปรนมาตรการควบคุมกลุ่มกิจการและกิจกรรมสีแดง หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต้องการติดเชื้อสูง เช่น โรงเรียนและสถาบันการศึกษา สถานที่ออกกำลังกาย ชายหาด ชายทะเล โดยเฉพาะการผ่อนปรนให้กับกิจกรรมการจัดแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี งานอีเวนท์ จัดแสดงสินค้า ที่พื้นที่เกิน 20,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นการชุมชนประชาชนจำนวนมาก

หลังการเปิดห้างและร้านอาหารในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปใช้บริการ ซึ่งก่อนการประกาศมาตรการผ่อนปรนได้มีแผนควบคุมการระบาดออกมาชัดเจน โดยมีการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการห้างหรือร้านอาหาร รวมถึงการสร้างแอพพลิเคชั่นไทยชนะ เพื่อสร้างระบบติดตามตรวจสอบย้อนกลับผู้ใช้บริการหากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาใช้บริการที่ใดที่หนึ่ง แต่เมื่อสถานการณ์การติดเชื้ออยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว ความร่วมมือในการป้องกันจะดีเหมือนเดิมหรือไม่เป็นเรื่องน่ากังวล

การพิจารณาผ่อนปรนกิจกรรมระยะที่ 4 จึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐควรที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะอยู่ในอัตราต่ำ โดยภาครัฐควรรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ทั้งด้านสาธารณสุข ความมั่นคงและภาคธุรกิจ ว่าจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดภาพประชาชนแห่เข้าไปใช้บริการโดยละเลยมาตรการควบคุมการระบาด ถ้าหากทำได้จะส่งผลดีทุกฝ่ายทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ และประเทศไทยจะพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าหลังวิกฤติโควิด