รู้จัก “ห้องเรียนเด็กล้ำ” จากดีแทค หลักสูตรภูมิคุ้มกันที่ไม่มีในห้องเรียน

รู้จัก “ห้องเรียนเด็กล้ำ” จากดีแทค หลักสูตรภูมิคุ้มกันที่ไม่มีในห้องเรียน

“ดีแทค” จึงเดินหน้าสร้างวัคซีนให้กับเยาวชน ส่งหลักสูตรออนไลน์ “ห้องเรียนเด็กล้ำ” แพลตฟอร์มอีเลิร์นนิ่ง เพื่อสร้างความเข้าใจและหาวิธีรับมือกับภัยร้ายในโลกออนไลน์

สร้างพลเมืองดิจิทัลอนาคต

หลักสูตรใน ‘ห้องเรียนเด็กล้ำ’ แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง คือ หลักสูตรการสร้างทักษะในการแยกแยะภัยในโลกออนไลน์ผ่านระบบการคิดเชิงวิพากษ์ และวิธีรับมืออย่างเป็นระบบ รวมทั้ง แนวทางปฏิบัติตนที่เหมาะสมในโลกออนไลน์ เพื่อสร้างให้เยาวชนมีความพร้อมที่จะเป็นพลเมืออินเทอร์เน็ตที่มีความรับผิดชอบ

1.Online Privacy & Sexual abuse เรียนรู้เรื่องลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล ความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล และการละเมิดและแสวงหาประโยชน์ทางเพศ Diversity Respect to Stop Cyber Bullying เพื่อให้เข้าใจถึงความหลากหลายในสังคม ให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อความแตกต่าง เกิดความเคารพ และยั้งคิดก่อนที่จะกลั่นแกล้งใครให้เกิดความอับอายหรือเสียหาย

โดยหลักสูตรนี้เป็นผลมาจากการวิจัยและศึกษาของดีแทคเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งล้อเลียนในโลกไซเบอร์ในกลุ่มเด็กนักเรียนในระดับมัธยมต้น – ปลายที่พบว่า กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อในการกลั่นแกล้งรังแกมากที่สุดคือ นักเรียนที่เป็น LGBTQ เรื่องที่ล้อเลียนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวความแตกต่าง โดยเฉพาะความแตกต่างทางเพศ โดยงานวิจัยดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่า เยาวชนที่เป็น LGBTQ กว่า 80% เคยถูกล้อเลียน โดยเฉลี่ยจะถูกกระทำสัปดาห์ละครั้งและสถานที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ก็คือ ห้องเรียนของเด็กเอง

2.Anatomy of Fake News เรียนรู้ความหมายและองค์ประกอบต่างๆ ของข่าวปลอม วิธีและเครื่องมือที่สามารถใช้ในการแยกแยะ และระบุข่าวปลอม และหลักสูตรในส่วนที่สอง คือ หลักสูตรที่สอนให้เยาวชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังทวีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโลก อาทิ แชทบอท ปัญญาประดิษฐ์ การแสดงผลข้อมูลด้วยภาพ (Data Visualization) เทคนิคการเล่าเรื่อง (Story Telling) และการสร้างบอร์ดเกม ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เด็กเยาวชนยุคใหม่ควรเรียนรู้ เพิ่มทักษะสู่การเป็นพลเมืองยุคดิจิทัลในศตวรรษที่ 21

พร้อมแนะแนวทางให้ครู

นอกจากนี้ ดีแทคมีแผนที่จะนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับบุคลากรครู และอาจารย์ที่ทำหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือ และให้คำแนะนำแก่นักเรียนที่มีความเสี่ยงหรือกำลังประสบกับภัยออนไลน์ ซึ่งผลการวิจัยและศึกษาของดีแทค พบว่า เยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อภัยออนไลน์เลือกที่จะขอคำปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในวัยเดียวกัน เป็นทางเลือกอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็น พี่ น้อง ส่วนคุณครูกับผู้ปกครองเป็นกลุ่มสุดท้าย เมื่อถามในเชิงลึกจริงๆ ว่า เพราะเหตุใดจึงเลือกให้คุณครูอยู่ในกลุ่มสุดท้าย

นักเรียนกลุ่มตัวอย่างตอบว่า เขาไม่ได้รังเกียจหรือไม่ชอบคุณครู แต่กลับกันเขาอยากให้คุณครูเป็นที่พึ่งที่แรกด้วยซ้ำ เพียงแต่ในความคิดของนักเรียน คือครูอาจไม่สามารถช่วยเหลือได้ หรือคิดไปว่าคุณครูไม่ช่วยเหลือเขาเพราะนักเรียนคนนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ที่รัก และอีกประเด็นคือคุณครู ‘ไม่เข้าใจ’ สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ และโซเชียลเน็ตเวิร์กที่พวกเด็กๆ ใช้งานกัน