คำต่อคำ “อนุทิน”-“ปลัดสธ.”ตอบปมสั่งเด้งผอ.รพ.ขอนแก่น

คำต่อคำ “อนุทิน”-“ปลัดสธ.”ตอบปมสั่งเด้งผอ.รพ.ขอนแก่น

ปลัดสธ.ควงรองปลัดพร้อมนิติกรแจงปมย้ายผอ.รพ.ขอนแก่น ยันมีมููลหลักฐานชัดรับเงินจากบริษัทยา ส่วนปธ.สอบวินัยร้ายแรงขอถอนตัว มั่นใจตั้ง“หมอเกรียงศักดิ์”รักษาการแทนเหมาะสม ขณะที่"อนุทิน"ลั่นทุกอย่างต้องเป็นธรรม นายกฯกำชับอย่าให้มีการแกล้ง

      จากกรณีที่นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นให้มาปฏิบัติราชการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่ามีมูลตามข้อร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้า 5% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ศูน์ขอนแก่น และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีนพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 เป็นประธาน รวมถึงแต่งตั้งนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี รักษาการผอ.รพ.ศูนย์ขอนแก่นเทนนั้น
         ล่าสุด เวลา 13.30 น. วันที่ 4 มิ.ย.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่ายและฟังข้อเท็จจริงให้มากที่สุด ซึ่งตนเคยให้นโยบายตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานแล้วว่า มีเรื่องอะไรในสาธารณสุข ให้ยึดกฎหมาย ความเป็นธรรม และยุติธรรมเป็นที่ตั้ง คงไม่มีปัญหาอะไรหากมีการชี้แจงหลักฐาน ก็มาดูว่าผิดกฎหรือไม่ผิดกฎ
       เมื่อถามว่ามีการตั้งคำถามว่าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่นคนใหมีมีความใกล้ชิด กลุ่มก๊วนเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนเติบโตเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีคำว่าวุฒิภาวะ หน้าที่ภารกิจอยู่ ทุกอย่างมีกฎระเบียบเป็นที่ตั้ง ถึงบอกว่าทุกอย่างต้องให้ความเป็นธรรม และคนสนิทกันมาตั้งกรรมการสอบกัน เจ้าตัวต้องถูกจับตามองไม่รู้กี่สายตา ของพวกนี้ต้องว่ากันตามเนื้อผ้า คงไม่มีใครอยากเอาอนาคตความก้าวหน้าทางราชการ เอาเกียรติยศตำแหน่งหน้าที่ตัวเองมาปกป้องการกระทำผิดของใคร ต้องว่ากันตามเนื้อผ้า ตนในฐานะรัฐมนตรีจะสนับสนุนเต็มที่ พร้อมออกมาปกป้องคนที่ให้ความป็นธรรมหรือคนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม ก็พร้อมจะมาหาความยุติธรรมให้เขา ต้องยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง
         ถามต่อว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเปลี่ยนบุคคลดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า มีการหารือกับ นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่6 ที่เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยแล้ว ซึ่ง นพ.สุเทพขอถอนตัวเพราะมีภารกิจมากมาย
         "ปลัด สธ.เหลืออายุราชการ 3-4 เดือน ท่านต้องการเกษียณอย่างสบายๆ ไม่มีอะไรตามไปรังควานหลังเกษียณ ก็ต้องดูด้วยว่าทำไมตัดสินใจออกคำสั่งอย่างนี้ หากไม่ทำอาจถูกละเว้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีที่สุดคือข้อเท็จจริง และมีคณะกรรมการอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจคณะกรรมการที่ตั้ง ซึ่งรู้หน้าที่ อยู่ระดับซี 10 ทั้งนั้น คงไม่ทำอะไรซี๊ซั๊ว นพ.อภิชาติก็เป็นเพื่อนร่วมเรียน วปอ. ถ้ามีอะไรในฐานะเพื่อนก็ต้องบอก บอกไปแล้วอย่าทำให้เสียชื่อ ต่องให้ความเป็นธรรม ถูกว่าตามถูก ผิดว่าตามผิด ผมไม่ก้าวก่าย" นายอนุทินกล่าว
         ถามถึงกรณีบุคลากรรพ.จะมีการแสดงสัญลักษณ์คัดค้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตกฎหมาย อย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน ตอนนี้มีภารกิจต่างๆ มากมาย ในฐานะเจ้ากระทรวง อยากจะบอกว่าตนให้ความเป็นธรรม แม้ดูเฉยๆ ไม่พูดจา แต่ข้อมูลตนเพียบ ที่ปรึกษา และเครือข่ายตนก็เพียบ อย่างไรก็ต้องมีความเป็นธรรม ถ้าไม่มีจะมาทวงความเป็นธรรมให้ข้าราชการสธ.ทุกคน
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการใดหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ท่านกำชับว่าอย่าให้มีการกลั่นแกล้ง ซึ่งไม่มีการกลั่นแกล้งอยู่แล้ว ที่นี่ไม่มีใครกลั่นแกล้งใครได้ แพทย์ทั้งนั้น ทุกคนเป็นมันสมองระดับประเทศ ไม่มีใครกล้าแกล้งใคร อยู่กันด้วยความเคารพนับถือ
      ถามต่อว่ากังวลจะเกิดขยายวงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เชื่อว่าถ้าเราเอาข้อเท็จจริงออกมาวาง มีกรรมการตรวจสอบ มีข้อมูลเยอะแยะ มีกฎระเบียบบรรทัดฐาน คงไม่มีปัญหา ทุกอย่างว่าตามกฎระเบียบ คณะกรรมการต้องทำรายงานตามลำดับชั้น มี ก.พ.ร.กระทรวง มีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ยังมีรัฐมนตรีอยู่ ก็ต้องดู ไม่น่าเป็นรอยร้าวในกระทรวง เพราะดูข้อเท็จจริง เรื่องเกิดขึ้นมาจะไปยกเลิกก็ไม่ได้ คนกล่าวหาก็ต้องมีหลักฐาน คนแก้ไขข้อกล่าวหาก็ต้องมีหลักฐาน มันจบได้อยู่แล้ว ไม่มีใครอยากจะกลั่นแกล้ง นี่กระทรวงหมอไม่ใช่กระทรวงเด็ก
       ผู้สื่อข่าวถามว่า จะตรวจสอบการรับเงินบริจาคในรพ.ทั่วประเทศหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อะไรไม่ถูกต้องก็ทำให้ถูกต้องเสีย รายละเอียดไม่ทราบ อย่างที่บอกก็ขีดเส้นของตน ทำหน้าที่ของตน ไม่ไปวุ่นวายเกินขอบข่ายหน้าที่ มิเช่นนั้นก็ต้องแบกโลกทั้งใบ ตนก็ต้องบริหารในหน้าที่ของตน

        ต่อมาเวลา 14.00 น. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ. พร้อมด้วยนพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดสธ. และนายสุจินต์ สิริอภัย นิติกรชำนาญการ กลุ่มงานเสริมสร้างรวินัยและระบบคุณธรรม สธ. ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ร่วมแถลงข่าว โดยนพ.สุขุม กล่าวว่า ดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบราชการและข้อกฎหมาย เมื่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีความเห็นว่ามีมูล ก็จะต้องดำเนินการตามกระบวนการ หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา อีกทั้ง ในสมัยที่ตนเป็นปลัดกระทรวงมานั้น ได้มีการตรวจสอบผู้อำนวยการและผู้อำนวยการระดับสูงรวมแล้ว 12 คน โดย 6 คนมีโทษไล่ออกไปแล้ว อีก 6 คนอยู่ระหว่างการถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งมีทั้งกรณีคล้ายกับรพ.ขอนแก่นและอื่นๆ
       ผู้สื่อข่าวถามถึงความเหมาะสมในการตั้งนพ.เกรียงศักดิ์ เป็นรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่นเป็นครั้งที่ 2 นพ.สุขุม กล่าวว่า นพ.เกรียงศักดิ์ พื้นเพเป็นคนจ.ขอนแก่น และเคยเป็นผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นมาก่อน ที่สำคัญ ไม่สามารถตั้งรองผอ.รพ.ขอนแก่นขึ้นเป็นรักษาการแทนได้ เนื่องจากนพ.ชาญชัยพูดชัดเจนว่ารองผอ.รพ.และคณะกรรมการบริหารรพ.ก็มีส่วนรู้เห็นในการรับเงินบริจาค จึงจำเป็นต้องตั้งคนอื่นรักษาการแทน ส่วนจะมีการพิจารณาตั้งรักษาการผอ.เป็นคนอื่นแทนหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่า เมื่อนพ.เกรียงศักดิ์ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วเป็นอย่างไร ซึ่งครั้งก่อนก็เห็นว่าได้รับการต้อนรับที่ดี อย่างไรก็ตาม เป็นการตั้งรักษาการเท่านั้น หากมีการสอบสวนแล้วพบว่าผู้ถูกร้องไม่มีความผิดก็ยังตั้งกลับไปเป็นผอ.เดิมได้
       ต่อข้อถามว่าการตั้งคณะกรรมการเป็นคนจากกลุ่มก๊วนเดียวกัน เหมาะสมหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า ก็สามาถคัดค้านได้ ถ้าคิดว่าคนที่ตั้งไม่ให้ความเป็นธรรมกับเรา ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกลุ่มก๊วนเดียวกัน หากเห็นว่าไม่ถูกใจก็สามารถร้องเรียนได้ ก็จะพิจารณาให้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการร้องมาแต่อย่างใด
        ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการจุดชนวนความแตกแยกของกลุ่มก๊วนในสธ.ขึ้นมาอีก นพ.สุขุม กล่าวว่า ก็ช่วยไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำ ตนก็จะผิดมาตรา 157
         ด้านนพ.ยงยศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พบว่ามีการดำเนินการตามข้อกล่าวหาอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีการรับเงินจากบริษัทยาเหมือนเดิม โดยมีหลักฐานชัดเจนว่าเงินที่บริษัทยาบริจาคเข้ากองทุนรพ.นั้นเชื่อมโยง สัมพันธ์กับการจัดซื้อจัดจ้างยาจากบริษัทนั้น อีกทั้ง ยังพบว่ามีพฤติกรรมข่มขู่พยานด้วย
      นพ.ยงยศ กล่าวอีกว่า นพ.สุเทพ ได้ขอถอนตัวจากการเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากงานในหน้าที่มีมาก ทั้งการเรียนวปอ. อีกทั้ง ต้องวางแผนในการรับคนไทยกลับจากต่างประเทศในสถานการณ์โรคโควิด และการบริหารเรื่องการเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ประธานแทน
         นายสุจินต์ กล่าวว่า ตามกฎหมายชัดเจนว่าการรับเงินจากบริษัทยา หรือบริษัทเอกชนอื่นๆที่เป็นคู่สัญญากับรพ.ไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งสิ้น ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินมาเพื่อประโยชน์ใดก็ตาม ส่วนรวมหรือส่วนตัวก็ผิดทั้งนั้น ซึ่งเมื่อมีการชี้ว่ามีมูลก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่หากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าประธานคณะกรรมการฯไม่เป็นธรรมก็สามารถร้องทุกข์ได้