หุ้นแบงก์คึก บวกเกิน 5% ยกกลุ่ม โบรกชี้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติ

หุ้นแบงก์คึก บวกเกิน 5% ยกกลุ่ม โบรกชี้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติ

หุ้นแบงก์วิ่งขึ้นยกแผง 5-10% 'KBANK - SCB' กอดคอนำ นักวิเคราะห์ชี้แรงหนุนจากเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งเข้ามาซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นสัปดาห์

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (Bank) ช่วงเช้านี้ (4 มิ.ย.) เป็นกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้แรงที่สุด โดยมีส่วนช่วยหนุนดัชนี SET ราว 10 จุด จากที่ปรับขึ้นราว 20-30 จุด ขึ้นแตะระดับ 1,400 จุด โดย บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นสองหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวขึ้นได้มากสุดราว 10% จากวันก่อนหน้า โดย KBANK ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 112.50 บาท ขณะที่ SCB สูงสุดที่ 86.25 บาท

นายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า การปรับขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มแบงก์วันนี้ เป็นผลจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งไหลเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (1 มิ.ย. 2563) ซึ่งจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งซื้อสุทธิ 3 วันติดต่อกัน รวมมูลค่า 8.9 พันล้านบาท

"ประเด็นหลักที่เงินลงทุนไหลเข้าหุ้นกลุ่มธนาคาร เป็นเพราะเรื่องของมูลค่าหุ้น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มแบงก์ยังมีมูลค่าที่ค่อนข้างถูก ด้วยราคาหุ้นที่ซื้อขายกันที่ราว 0.5 เท่า ของมูลค่าทางบัญชี แต่เมื่อมองที่เป้าหมายของดัชนีภาพรวมซึ่งเราประเมินกรอบบนไว้ที่ 1,420 จุด ทำให้ช่องว่างของการปรับขึ้นเหลือไม่มากนัก ทำให้น้ำหนักของฟันด์โฟลว์อาจจะค่อยๆ ลดลงไป"

ในระยะถัดไป ภาพของตลาดอาจจะเป็นการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นที่เข้าซื้อ หลังจากที่ราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์เริ่มไม่ต่ำอีกต่อไป โดยนักลงทุนอาจจะโยกย้ายเงินลงทุนไปยังกลุ่มอื่นๆ ที่ยังปรับตัวได้แย่กว่าตลาด อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตาดูในระยะถัดไปคือ เรื่องของผลประกอบการของหุ้นกลุ่มแบงก์ในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นี้ หากเข้าสู่ช่วงพรีวิวหรือประกาศงบ จะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นได้ เพราะแนวโน้มผลประกอบการยังไม่ดีนัก โดยทั้งปีนี้คาดว่ากำไรของกลุ่มจะลดลงราว 10 - 20% หากอิงจากระดับนี้ มูลค่าของหุ้นกลุ่มแบงก์โดยเฉลี่ยก็น่าจะอยู่ที่ราว 0.8 เท่า

"กลยุทธ์การลงทุนในขณะนี้มองว่า อาจจะรอให้ถึงช่วงประกาศงบไตรมาส 2 หลังจากนั้นค่อยหาจังหวะเข้าลงทุน โดยหุ้นเด่นในกลุ่มนี้คือ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของฐานลูกค้ารายใหญ่ และมูลค่ายังคงปรับตัวได้ต่ำกว่ากลุ่ม ส่วนหุ้น KBANK และ SCB ซึ่งปรับขึ้นได้โดดเด่นที่สุดนั้น เป็นเพราะหุ้นสองบริษัทนี้มักจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ จึงมักจะเห็นหุ้นสองบริษัทนี้ปรับขึ้นหรือลงแรงกกว่ากลุ่ม"