การเมืองไทย ถอยหลังลงเหว

การเมืองไทย ถอยหลังลงเหว

โลกและธุรกิจไทยพัฒนาไปไกลมาก แต่การเมืองไทยกลับถอยหลังไปเยอะ อย่างเช่นกรณีของพรรคพลังประชารัฐ เลือกเล่นเกมแบบเดิมๆ โดยไม่สนใจว่าวันนี้ ประเทศไทยกำลังสู้กับสงครามโรค

ปรากฏการณ์พรรคพลังประชารัฐ สะท้อนความจริงปัจจุบันการเมืองไทยได้อย่างหนึ่งว่า โลกและธุรกิจไทยพัฒนาไปไกลมาก แต่การเมืองไทยกลับถอยหลังไปเยอะ ทั้งๆ ที่บุคลากร ผู้บริหารพรรคในพลังประชารัฐ ก็มีความรุ่นใหม่จำนวนมาก แต่เพราะเหตุใด ถึงเลือกเล่นเกมแบบเดิมๆ โดยไม่สนใจว่าวันนี้ ประเทศไทยกำลังสู้กับสงครามโรค ที่ถือว่าร้ายแรงในรอบหลายร้อยๆ ปี ชะตากรรมของประเทศ ยังไม่รู้ว่าจะจบศึกนี้อย่างไร ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ได้บอกความสำเร็จศึกนี้เด็ดขาด เพราะตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีน นั่นเท่ากับว่าปัญหาโควิด ยังดำรงอยู่ โอกาสระบาดรอบใหม่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ดังนั้นนักการเมืองที่ดีควรจะโพกัสเรื่องนี้มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน

การเมืองเรื่องของผลประโยชน์ คำที่นักการเมืองนำไปใช้แบบผิดๆ ทั้งๆ ที่เจตนารมณ์ ต้องการให้ผู้อาสามาทำหน้าที่ทางการเมืองนั้น ใช้การเมืองเพื่อทำผลประโยชน์ของประชาชนให้บรรลุ มิใช่อาศัยอำนาจทางการเมืองเพื่อบรรลุผลประโยชน์ตัวเองหรือพรรคพวก ซึ่งส่วนใหญ่นักการเมืองไทยกำลังปฏิบัติตัวกันเช่นนั้น เหตุที่ต้องเน้นกันแบบนี้ เพราะสถานการณ์วันนี้ต้องร่วมแรงร่วมใจฝ่าวิกฤติโควิดกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่ประชาชนไว้วางใจให้บริหารประเทศ เพราะช่วงเวลาเช่นนี้ ต้องอย่าทำให้เกิดกระแสแตกแยกจนขับเคลื่อนปัญหาไม่ได้ เพราะพิษจากโควิดครั้งนี้ ก่อวิกฤติทุกภาคส่วน ด้านสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ 

เราเห็นว่า ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ลาออกมาแล้วและยังรักษาการณ์อยู่ต้องกลับมานั่งหารือกันใหม่ว่าควรทำตัวอย่างไร เพื่อให้เป้าหมายทุกอย่างโฟกัสที่ประชาชนและปัญหาโควิด โดยหัวหน้าพรรคปัจจุบัน ดร.อุตตม สาวนายน ส่งหนังสือเชิญทุกคนกลับมาหารือ รวมถึงประธานยุทธศาสตร์ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย เพื่อที่จะให้พรรคแกนนำรัฐบาลหันมาใส่ใจความทุกข์ของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง เพราะมิฉะนั้นแล้ว ทุกคนจะเกิดภาวะไม่มั่นใจกับทิศทาง รวมไปถึงภาคธุรกิจด้วย ซึ่งกำลังจะขับเคลื่อนการลงทุนตัวเองในช่วงนี้ ก็อาจจะชะลอไว้ก่อน เพราะห่วงว่าการเมืองไทยอาจไม่มีเสถียรภาพ จะยิ่งส่งผลซ้ำเติมปัญหาให้รุนแรงขึ้นอีก

เราเห็นว่า หากระดับผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถนั่งพูดคุยกันเองได้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่พรรคพลังประชารัฐเป็นผู้เสนอชื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นตัวกลางในการเรียกทุกฝ่ายมาหารือ ก่อนที่ไฟจะไหม้พรรค และลามมาถึงรัฐบาลและประเทศ ขณะเดียวกันหากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการอะไรเลย ก็จะถูกสงสัยได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมืองแบบเก่าๆ โบราณ เพราะต้องอย่าลืมว่าข้อสงสัยกับคำถาม “นายกรัฐมนตรีไม่รู้อะไรเลย” ยังคงสอบถามกันทุกวัน เราเชื่อว่าทุกคนที่มีส่วนร่วมในพรรคพลังประชารัฐ ยังมีเวลากลับตัวเปลี่ยนแปลงทำทุกอย่างให้ดีขึ้นบนพื้นฐานผลประโยชน์ประเทศชาติ