เปิดผลชันสูตร 2 ฉบับ สรุปตรงกัน 'จอร์จ ฟลอยด์' ถูกฆาตกรรม

เปิดผลชันสูตร 2 ฉบับ สรุปตรงกัน 'จอร์จ ฟลอยด์' ถูกฆาตกรรม

เปิดผลชันสูตร 2 ฉบับ ชี้ตรงกัน "จอร์จ ฟลอยด์" ชายผิวสีในเมืองมินนิแอโพลิส รัฐมินนิโซตาของสหรัฐ เสียชีวิตเพราะถูก "ฆาตกรรม"

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (1 มิ.ย.) ตามเวลาสหรัฐ มีการเปิดเผยผลการชันสูตรพลิกศพ 2 ฉบับของ จอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) ชายผิวสีจากเมืองมินนิแอโพลิส ที่เสียชีวิตระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยผลการชันสูตรทั้งสองฉบับที่ดำเนินการแยกกันระบุตรงกันว่า สาเหตุการเสียชีวิตของเขาคือการฆาตกรรม แม้จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ไม่ตรงกัน

รายงานหลังมรณกรรมฉบับหนึ่งจาก 2 ฉบับดังกล่าว ซึ่งออกโดยสำนักงานชันสูตรศพเทศมณฑลเฮนเนพิน ระบุว่า “การหยุดทำงานของทั้งระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจที่เกี่ยวกับการจับกุมตามการบังคับใช้กฎหมาย การหน่วงเหนี่ยว และแรงอัดบริเวณคอ” เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของฟลอยด์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งเป็นชนวนเหตุการประท้วงในทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของตำรวจ โดยมีผู้ประท้วงบางกลุ่มได้ก่อความรุนแรง

ผลลัพธ์อย่างเป็นทางการดังกล่าวถูกเปิดเผย หลังมีการเผยผลชันสูตรศพอีกฉบับหนึ่งซึ่งครอบครัวของฟลอยด์เป็นผู้ว่าจ้างและดำเนินการแยกกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยผลชันสูตรฉบับนี้ระบุว่า “อาการขาดอากาศหายใจซึ่งเกิดจากแรงกดต่อเนื่องเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต” ของชายวัย 46 ปีรายนี้

ขณะที่เบนจามิน ครัมป์ ทนายความของครอบครัวของฟลอยด์ แถลงเมื่อวันจันทร์ (1 มิ.ย.) ว่า ผลการชันสูตรพบว่ามี “แรงกดบริเวณคอและหลังซึ่งส่งผลให้ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง”

ผลการชันสูตรศพฉบับของสำนักงานชันสูตรศพเทศมณฑลเฮนเนพิน ระบุว่า “ไม่ปรากฏผลตรวจทางกายภาพใดที่สนับสนุนข้อวินิจฉัยภาวะการขาดอากาศหายใจจากการบาดเจ็บ หรือการรัดคอ” แต่ชี้ว่าภาวะสุขภาพของฟลอยด์ ซึ่งมีโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจจากความดันโลหิตสูง ประกอบกับการถูกหน่วงเหนี่ยวจากตำรวจ และ “สารมึนเมาใด ๆ ที่อาจอยู่ในระบบร่างกายของเขา” ได้ส่งผลให้เขาเสียชีวิต

รายงานระบุว่า ผลชันสูตรดังกล่าว “มิใช่ข้อตัดสินทางกฎหมายที่ระบุความผิดหรือเจตนา และไม่ควรถูกนำมาใช้แทนกระบวนการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม”

อย่างไรก็ดี ผลชันสูตรพลิกศพที่ครอบครัวของฟลอยด์ดำเนินการระบุว่า “น้ำหนักที่กดลงที่หลัง การใส่กุญแจมือ และการวางท่า ต่างเป็นปัจจัยร่วม เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ขัดขวางความสามารถในการทำงานของกะบังลมของฟลอยด์”

ไมเคิล บาเดน หนึ่งในแพทย์ผู้ชันสูตรที่ครอบครัวว่าจ้าง ระบุว่า “เราไม่พบปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ว่าเป็นสาเหตุหรือมีส่วนนำไปสู่การเสียชีวิต ตำรวจเองที่เข้าใจผิดว่าถ้าพูดได้ ก็แปลว่าหายใจได้ ซึ่งมันไม่จริง”

ขณะที่ดีเร็ก ชอวิน หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้เข่ากดที่คอของฟลอยด์ไว้นานเกือบ 9 นาที ขณะที่ฟลอยด์ซึ่งถูกตำรวจใส่กุญแจมือและถูกกดไว้กับพื้น ได้วิงวอนขอความช่วยเหลือ และพูดทั้งน้ำตาว่า "ผมหายใจไม่ออก" ในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ถูกปลดแล้วส่วนชอวินถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไม่เจตนา

“สำหรับจอร์จ ฟลอยด์ รถพยาบาลที่มารับตัวเขาไป แท้จริงแล้วคือรถขนศพของเขา” ครัมป์แถลงอย่างสะเทือนอารมณ์ “แน่นอนว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ หากคอของเขาไม่ถูกกดโดยชอวิน ตำรวจที่ถูกปลดไปและหากร่างกายของเขาไม่ถูกหน่วงเหนี่ยวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 นาย ที่ใช้เข่ากดเขาลงกับพื้น”

“การเสียชีวิตของฟลอยด์เป็นการฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ซึ่งสบประมาทเขาระหว่างที่กดเขาลงกับพื้นนานกว่า 8 นาที อีกทั้งเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่โดยไม่ทำอะไรเลยนั้นก็เป็นแค่โล่กำบังในชุดสีฟ้า (เครื่องแบบของตำรวจท้องถิ่น) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเพิกเฉยต่อความผิดของเพื่อนร่วมอาชีพ” ครัมป์กล่าว