ชดเชยหยุดยาวหนุน ‘ท่องเที่ยว’ อย่า ‘ละเลย’ ปัญหาธุรกิจอื่น

 ชดเชยหยุดยาวหนุน ‘ท่องเที่ยว’ อย่า ‘ละเลย’ ปัญหาธุรกิจอื่น

ประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากเมื่อเจ้ากระทรวงวัฒนธรรมเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทย ด้วยวันหยุดชดเชยสงกรานต์ในช่วงเดือน ก.ค. ซึ่งมีการระบุว่าอาจจะเป็นวันที่ 4 – 9 ก.ค. นี้ เพื่อเสนอให้ครม.พิจารณาสุดสัปดาห์

สอดคล้องกับการเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาในเดือนนี้ หลังมีการคลายล็อกดาวน์เฟส 3 แล้ว ซึ่งมาตรการที่ว่ามีทั้งมาตรการเดิมที่เคยใช้มาแล้วและได้ผลคือ ‘ ไทยเที่ยวไทย ‘ ‘ช้อปช่วยชาติ’

รวมทั้งความเป็นไปได้ในการช่วยผู้ประกอบการโรงแรมด้วยการออกค่าตั๋วสำหรับเดินทางท่องเที่ยว หรือการให้คูปองส่วนลดที่พักในโรงแรมถึง 50 % ซึ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลบวกต่อราคาหุ้นโรงแรมช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางตัวเลขกำไรที่ลดลงและจะหนักสุดในไตรมาส 2 ปี 2563

จากท่าทีของภาครัฐส่งสัญญาณเตรียมหารือและสรุปมาตรการะหว่างกระทรงการคลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสามารถใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทในส่วนของงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทได้ เพราะถือว่าเป็นการช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19

เนื่องจากตัวเลขของสภานการณ์ท่องเที่ยวของไทย 4เดือนแรก (ม.ค.- เม.ย.) ปรับตัวติดลบลงมาแรง ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทย จากเดือนม.ค. ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังไทยทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 3.81 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.46% และนักท่องเที่ยวไทย 12.13 ล้านคนต่อครั้งลดลง 4.28%

กระทั่งเดือนมี.ค. ไทยพบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด- 19 พุ่งสูงจนมีการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และล็อกดาวน์ประเทศนานถึง 2 เดือนเต็ม ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 0.82 ล้านคน ลดลง 76.41% นักท่องเที่ยวไทย 3.83 ล้านคนต่อครั้ง ลดลง 65.42%  และเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงปิดประเทศเต็มตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นศูนย์คน ลดลง 100% ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มีเลย

ส่งผลทำให้ตัวเลขสะสมในรอบ 4 เดือนจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงถึง 52% เหลือเพียง 6.7 ล้านคน เช่นเดียวกับการเดินทางผ่านสนามบินผู้โดยสารของ ทอท. 4 เดือนแรกหาย 23 ล้านคน เที่ยวบินลด 36%

ด้านการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) มองว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงซบเซาต่อไปในระยะสั้นถึงกลาง โดยคาดลดลงถึง 99.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในไตรมาส 2 ปี 2563 และ 93% ในไตรมาส 3 ปี 2563  สำหรับผลประกอบการของธุรกิจโรงแรมโดยรวมคาดว่าจะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ในขณะที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้เล็กน้อยตั้งแต่ไตรมาส3 เป็นต้นไป หนุนจากนักท่องเที่ยวในประเทศ

คาดผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมน่าจะฟื้นตัวได้เล็กน้อย ตั้งแต่ ไตรมาส3 เป็นต้นไปผลักดันจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ จึงคงเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่ 13 ล้านคน ลดลง 67 % จากปีก่อน

อีกด้านหากประเมินจากผู้ประกอบประเด็นดังกล่าวย่อมเป็นปัจจัยบวกอย่างมาก ในช่วงที่แทบรายได้ลดลง ดอกเบี้ยยังเดินหน้าเหมือนเดิม และยิ่งมีมาตรการลดหย่อนภาษีมาช่วยด้วยแล้วยิ่งจูงใจกลุ่มมนุษย์เงินเดือนให้ใช้สิทธิและอาจจะลาพักร้อนช่วงฟันหลอเพิ่มเติมไปด้วยเพื่อได้หยุดยาว 9 วัน 

อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวยังมีด้านลบและอาจจะกลายเป็นดาบสองคมที่ให้ผลดีกับกลุ่มธุรกิจหนึ่งแต่กระทบอีกหลายธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาสถานการณ์เศรษฐที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ธุรกิจหยุดชะงัก โรงงานปิดสายการผลิต ร้านค้าปิดให้บริการ ไม่ก่อให้เกิดวัฎจักรทางเศรษฐกิจ แรงงานรายวันไร้งาน  บางรายตกงาน มนุษย์เงินเดือนเข้าโหมดทำงานที่บ้านลดการติดเชื้อ จนเริ่มมีการคลายล็อกดาวน์เฟส 1จนถึง 3 ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจแต่ยังไม่เต็มทีนัก ดังนั้นสิ่งที่ธุรกิจที่ไม่ใช่บริการต้องการคือการกลับมาผลิตเต็มสูบ

ที่สำคัญการปลดล็อกเฟส 4 ด้วยการเปิดเรียนตามปกติกำลังจะตามมาในเดือนก.ค. ดังนั้นหากมีการประกาศหยุดชดเชยขึ้นจริงตามวันที่ระบุดังกล่าวรัฐบาลควรจะพิจารณารอบด้านไม่อิงเพียงแต่การช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวเพียงขาเดียวเพราะมีสัดส่วนต่อจีดีพี 20 % ด้วยกลุ่มธุรกิจอื่นก็สบปัญหาหนักไม่แตกต่างกัน