หุ้น ‘กลาง-เล็ก’ ซิลลิ่งคึกคัก ‘เชาว์สตีล’ ชนเพดาน 10 ครั้ง

หุ้น ‘กลาง-เล็ก’ ซิลลิ่งคึกคัก ‘เชาว์สตีล’ ชนเพดาน 10 ครั้ง

หุ้น “กลาง-เล็ก” ชนซิลลิ่งคึกคัก “เชาว์ สตีล” ราคาพุ่งชนเพดานบนถึง 10 ครั้ง ด้าน “ภากร” ยอมรับส่วนหนึ่งจากการปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ เหลือ 15% ทั้งหุ้นบางตัวยังวิ่งจากข่าวที่เข้ามากระทบ เตือนนักลงทุนศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ปรับเกณฑ์กำหนดราคาเสนอซื้อขายหลักทรัพย์สูงสุด(ซิลลิ่ง) และต่ำสุด(ฟลอร์)ใหม่เป็นไม่เกิน 15% จากเดิม 30% พบว่า มีหุ้นหลายบริษัทที่ราคาปรับขึ้นอย่างคึกคัก จนชนซิลลิ่งติดต่อกันหลายวัน ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่สภาพคล่องน้อยและไม่มีบทวิเคราะห์ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า สาเหตุที่นักลงทุนเข้าเก็งกำไรหุ้นเหล่านี้อย่างคึกคัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำด้วย

จากการรวบรวมข้อมูล บจ. ที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 14% ในรอบ 3 เดือน (มี.ค.-พ.ค.) มากสุด 5 อันดับ พบว่า อันดับหนึ่ง คือ บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) ซิลลิ่ง 10 ครั้ง คือ วันที่ 22 เม.ย. ราคาปิดที่ 0.71 บาท เพิ่มขึ้น 14.52%  วันที่ 23 เม.ย. ราคาปิดที่ 0.81 บาท เพิ่มขึ้น 14.08% วันที่ 24 เม.ย. ราคาปิดที่ 0.93 บาท เพิ่มขึ้น 14.81% วันที่ 18 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.03 บาท เพิ่มขึ้น14.44% วันที่ 19 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.18 เพิ่มขึ้น 14.56% วันที่ 20 พ.ค. ราคาปิดที่ 1.35 บาท เพิ่มขึ้น 14.41% วันที่ 21 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.55บาท เพิ่มขึ้น14.81% วันที่ 22 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.78 บาท เพิ่มขึ้น 14.84% วันที่ 25 พ.ค. ราคาปิดที่ 2.04 บาท เพิ่มขึ้น 14.61% วันที่ 26 พ.ค.ราคาปิดที่ 2.34 บาท เพิ่มขึ้น 14.71% 

อันดับ2.บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป(TRUBB) ซิลลิ่ง  9 ครั้ง คือ วันที่ 30 มี.ค. ราคาปิดที่ 0.46 บาท เพิ่มขึ้น 15% วันที่ 22 เม.ย. ราคาปิดที่ 0.63บาท เพิ่มขึ้น 14.55% วันที่ 23 เม.ย. ราคาเปิดที่ 0.72 บาท เพิ่มขึ้น14.29% วันที่ 15พ.ค. ราคาปิดที่ 0.96 บาท เพิ่มขึ้น 14.29% วันที่ 18 พ.ค. ราคาปิดที่ 1.10 บาท เพิ่มขึ้น 14.58% วันที่ 21 พ.ค. ราคาปิดที่ 1.59 บาท เพิ่มขึ้น 14.39% วันที่ 22 พ.ค. ราคาปิดที่ 1.82 บาท เพิ่มขึ้น14.47% วันที่ 25 พ.ค. ราคาปิดที่ 2.08 บาท เพิ่มขึ้น 14.29% และวันที่ 1 มิ.ย.ราคาปิดที่ 1.95 บาท เพิ่มขึ้น 14.71%

อันดับ3.บมจ.การบินไทย (THAI) ซิลลิ่ง 8 ครั้ง คือ วันที่ 3 เม.ย.ราคาปิดที่ 3.68 บาท เพิ่มขึ้น 15%, วันที่ 7 เม.ย. ราคาปิดที่ 4.22 บาท เพิ่มขึ้น14.67% ,วันที่ 8 เม.ย. ราคาปิดที่ 4.84บาท เพิ่มขึ้น14.69%,วันที่ 9 เม.ย. ราคาปิดที่ 5.55 บาท เพิ่มขึ้น14.67%,วันที่ 10 เม.ย. ราคาปิดที่ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 14.41% ,วันที่ 16 เม.ย.ราคาปิดที่ 6.35บาท เพิ่มขึ้น 14.41% ,วันที่ 19 พ.ค. ราคาปิดที่ 4.70 บาท เพิ่มขึ้น 14.63% และวันที่ 20 พ.ค. ราคาปิดที่ 5.40 บาทเพิ่มขึ้น 14.89%

อันดับ4 มี2 บริษัทที่ซิลลิ่ง 5 ครั้ง คือ บมจ.พัฒน์กล (PK) วันที่ 13 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.05 บาท เพิ่มขึ้น 14.13% วันที่ 21 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.19 บาท เพิ่มขึ้น 14.42% วันที่ 22 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.36 บาท เพิ่มขึ้น 14.29% วันที่ 25 พ.ค.ราคาปิดที่ 1.56 บาท เพิ่มขึ้น 14.71% และ วันที่ 26 พ.ค. ราคาปิดที่ 1.79 บาท เพิ่มขึ้น 14.47% และบมจ.เด็มโก้ (DEMCO)วันที่ 8 เม.ย. ราคาปิดที่1.74 บาท เพิ่มขึ้น 14.47% วันที่ 9 เม.ย. ราคาปิดที่ 2 บาท เพิ่มขึ้น 14.94% วันที่ 10 เม.ย. ราคาปิดที่ 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 15% วันที่27 พ.ค. ราคาปิดที่ 2.82 บาท เพิ่มขึ้น 14.63% วันที่ 28 พ.ค. ราคาปิดที่ 3.24 บาท เพิ่มขึ้น 14.89%

อันดับ 5 มี  3 บริษัทที่ซิลลิ่ง 4 ครั้ง  คือ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) วันที่ 13 พ.ค.ราคาปิดที่ 3.08 บาท เพิ่มขึ้น 14.93% วันที่ 14 พ.ค. ราคาปิดที่ 3.54 บาท เพิ่มขึ้น 14.94% วันที่ 19 พ.ค. ราคาปิดที่ 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 14.71% วันที่ 25 พ.ค. ราคาปิดที่ 4.18 บาท เพิ่มขึ้น 14.84% บมจ.วนชัย กรุ๊ป(VNG) วันที่ 8 พ.ค. ราคาปิดที่ 2.32 บาท เพิ่มขึ้น 14.85% วันที่ 11 พ.ค. ราคาปิดที่ 2.66 บาท เพิ่มขึ้น 14.66% วันที่ 12 พ.ค. ราคาปิดที่ 3.04 บาท เพิ่มขึ้น 14.29% วันที่ 13 พ.ค.ราคาปิดที่ 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 14.47% และบมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) จำนวน 4 ครั้ง คือ วันที่ 24 เม.ย. ราคาปิดที่ 0.87 บาท เพิ่มขึ้น 14.47% วันที่ 21 พ.ค.ราคาปิดที่ 0.97 บาท เพิ่มขึ้น14.12% วันที่ 22 พ.ค. ราคาปิดที่ 1.11 บาท เพิ่มขึ้น 14.43% วันที่ 25 พ.ค. ราคาปิดที่ 1.27 บาท เพิ่มขึ้น14.47%

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นหลายตัวปรับเพิ่มขึ้นจนชนซิลลิ่งหลายครั้ง  ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตลท.ปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์แคบลงเหลือ 15%จากเดิมที่ 30%  

นอกจากนี้ ยังน่าจะมีปัจจัยหลักจากความไม่แน่นอน รวมทั้งมีข่าวต่างๆ เข้ามากระทบมากขึ้น ทำให้นักลงทุนตีความและเข้ามาลงทุน ทั้งนี้ก่อนที่นักลงทุนจะตัดสินใจลงทุนหุ้นใดนั้น ควรที่จะศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะหุ้นบางตัวไม่มีข่าวอะไรแต่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นซิลลิ่งนั้นมีหลายปัจจัย เช่น ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง ฟลอร์ ,หุ้นที่มีสภาพคล่องน้อย หากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรยิ่งทำให้ซิลลิ่งง่ายขึ้น และถ้ามีข่าวบวกหรือนักลงทุนตั้งซื้อช่วงเปิดตลาดก็ทำให้ซิลลิ่งได้ทั้งวัน เนื่องจากหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง และไม่มีปัจจัยพื้นฐานนั้นก็จะไม่มีแรงขายจากนักลงทุนที่ซื้่อหุ้นราคาสูงออกมา และหากวันต่อไปมีนักลงทุนทำวิธีการดังกล่าวอีก หุ้นก็จะซิลลิ่งต่อไปหลายวัน 

"ปัจจัยที่ทำให้หุ้นซิลลิ่งได้นั้น มีหลายปัจจัย ทั้งตลท.ปรับเกณฑ์ หุ้นสภาพคล่องน้อย หุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัว เช่น บางตัวลงลึกเกินไปแล้ว เมื่อมีข่าวดีราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง หรือแม้แต่หุ้นที่ไม่นักวิเคราะห์จัดทำบทวิเคราะห์ แต่หุ้นซิลลิ่งได้ เช่น TRUBB ขึ้นตาม STA เพราะทำธุรกิจผลิตยางพาราขณะที่หุ้นบางตัวมีสภาพคล่องเยอะ อาจจะเป็นการซื้อกลับหลังจากที่ผ่านมามีการชอร์ตเซลออกไปฯลฯ "

อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่เข้าลงทุนหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อย และไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับจะต้องระมัดระวังการลงทุนอย่างมาก เพราะหากเข้าไปลงทุนแล้วอาจจะขายออกไม่ได้ ทำมีผลขาดทุนที่สูง ดังนั้นจะต้องมีวินัยการลงทุน ควรที่จะกำหนดจุดหยุดขาดทุน(stop loss)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้หุ้นซิลลิ่ง ฟลอร์ได้ง่ายขึ้นมีปลายปัจจัย คือ ตลท.ปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ เม็ดเงินสภาพคล่องในมือนักลงทุนมีมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยต่ำ ทำให้นักลงทุนต้องหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นถือว่าตอบโจทย์ดังกล่าว และเมื่อนักลงทุนทั่วไปเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นก็จะเข้ามาเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กมากขึ้น ทำให้ราคาหุ้นดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น

"บริษัทเคยทำผลศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้ามาลงทุนหุ้นของนักลงทุนทั่วไปและผลการดำเนินงานของหุ้นขนาดกลางและเล็กซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ เมื่อนักลงทุนทั่วไปเข้ามาลงทุนตลาดหุ้นมากขึ้นจะเข้ามาเก็งกำไรหุ้นกลางและเล็ก ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นดีกว่าดัชนีตลาดหุ้น"

ทั้งนี้การเข้าลงทุนหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่องและไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ นักลงทุนจะต้องระมัดระวังการลงทุนอย่างสูง และต้องเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงเช่นกัน เพราะ ไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางผลการดำเนินงานได้ และเมื่อเข้าลงทุนแล้วอาจขายออกได้ลำบากทำให้ติดหุ้นตัวดังกล่าวได้