Selective Buy

Selective Buy

แรงกดดันด้าน Tradewar เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นหลังจีนยกเลิกนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐเพื่อตอบโต้การแทรกแซงฮ่องกง

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index เพิ่มขึ้น 9.5 จุด (+0.71%)ปิดที่ระดับ 1,352 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.5 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศหลังจากทรัมป์ตอบโต้จีนน้อยกว่าที่ตลาดกังวล และยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 35$/bbl สูงสุดในรอบ 2 เดือน ส่วนปัจจัยในประเทศมีปัจจัยบวกหลังสภาผ่านร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,394 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 701 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 2,440 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,345 – 1,365 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังคงมี sentiment บวกจากความคาดหวังภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นหลังหลายประเทศผ่อนปรนมาตรการ Lockdown หนุนให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือ 35 US/Barrel ซึ่งเป็นบวกต่อดัชนีและกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ อย่างไรก็ตามแรงกดดันด้าน Tradewar เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นหลังจีนยกเลิกนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐเพื่อตอบโต้การแทรกแซงฮ่องกง นอกจากนี้ประเด็นการเมืองภายในที่มีความไม่แน่นอนหลังกรรมการบริหารพรรคพปชร.ยื่นใบลาออก 18 คน ประกอบกับ Valuation ที่ตึงตัวของ SET นั้นจะกดดันให้ภาวะตลาดผันผวน

** วันนี้ติดตาม ก.ทรวงการท่องเที่ยวฯ เสนอมาตรการไทยเที่ยวไทยเข้าที่ประชุม ครม.

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือ 35 US/Barrel
  • MINT, CENTEL, ERW และ AOT คาดหวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังคลาย Lockdown
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA, RS)
  • หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 /100 รอบใหม่  SET50 ( BPP,TTW ) SET100 (ACE, DOHOME,  RBF, SIRI , SISB, TVO, WHAUP)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • CPF (ปิด 31.50 ซื้อ/เป้า 36.25) คาดได้ประโยชน์จากข่าวจีนระงับการนำเข้าถั่วเหลืองชั่วคราวจากสหรัฐคาดกดดันให้ราคากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ลดลงหนุนมาร์จิ้นให้กับผู้ประกอบการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ CPF ยังมีข่าวบวกจากราคาหมูในเวียดนามที่ล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 103,000 ดงต่อ ก.ก. หลังจาก supply หมูในตลาดลดลงจากผลกระทบของโรคอหิวาห์แอฟริกัน
  • ERW (ปิด 3.48 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA consensus 4.8) เก็งกำไรข่าวกระทรวงการท่องเที่ยวฯเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านมาตรการไทยเที่ยวไทยเข้า ครม. และหากภาครัฐปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจมากขึ้นจะทำให้การท่องเที่ยวในประเทศฟื้นกลับมา ERW ได้ประโยชน์มากสุดเพราะมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศคิดเป็น 90% ของรายได้รวม 

บทวิเคราะห์วันนี้

IVL (ปิด 29.5 ซื้อ/เป้า 38), PSH (ปิด 12 ปรับลดเป็นถือ/เป้าใหม่ 11.7 เดิม 17.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค.ของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักกลับมาฟื้นตัว สร้างความหวังทางบวกให้กับนักลงทุน : วานนี้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ จีน ยุโรป และสหรัฐ รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ กลับมาเพิ่มขึ้นตามที่เราและตลาดคาดไว้ ซึ่งเป็นผลจากแต่ละประเทศเริ่มคลายล็อกดาวน์ส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจและการผลิตฟื้นกลับมา โดยจีน รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. (จัดทำโดยไฉชิน) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.7 จาก 49.4 ในเดือน เม.ย., ยูโรโซนดัชนี PMI เดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 39.4 จาก 33.4 ในเดือน เม.ย. และ สหรัฐซึ่งจัดทำโดย ISM รายงานดัชนี PMI เดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 43.1 จาก 41.5 ในเดือน เม.ย.
  • (+/-) กลุ่ม OPEC+ เลื่อนการประชุมเร็วขึ้นเป็นวันที่ 4 มิ.ย. คาดที่ประชุมขยายเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1-2 เดือน : กลุ่ม OPEC+ แจ้งเลื่อนการประชุมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางในการผลิตน้ำมันดิบเร็วขึ้นเป็นวันที่ 4 มิ.ย. จากเดิม 9-10 มิ.ย. โดยการประชุมจัดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งตลาดมีการคาดหมายกันว่าที่ประชุมจะมีมติขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1-2 เดือน หลังจากที่มาตรการเดิมจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งหลังจากนั้นกลุ่ม OPEC+ จะลดการปรับลดกำลังการผลิตลงเป็น 8 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงสิ้นปีนี้ หากกลุ่ม OPEC+ ขยายเวลาลดกำลังการผลิตออกไปจริงจะเป็นผลดีกับตลาดน้ำมันเนื่องจากปัจจุบันดีมานด์หรือความต้องการน้ำมันยังไม่ได้ฟื้นตัวสู่ระดับปกติหาก OPEC+ รีบยกเลิกมาตรการดังกล่าวเร็วเกินไปจะทำให้ปัญหา Over supply ยังอยู่และกดดันราคาน้ำมันให้ลดลงได้อีกในอนาคต
  • (-) ความสัมพันธ์จีนสหรัฐยังน่าเป็นห่วง ล่าสุดจีนประกาศระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐชั่วคราวเพื่อตอบโต้ที่สหรัฐระงับการให้สถานะพิเศษกับฮ่องกง : วานนี้มีรายงานว่า จีนประกาศระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ ถั่วเหลือง จากสหรัฐเป็นการชั่วคราวเพื่อตอบโต้ที่สหรัฐระงับการให้สถานะพิเศษกับฮ่องกง ประเด็นนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดรวมเพราะอุณภูมิการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะปะทุมากขึ้นและโอกาสสูงที่สหรัฐอาจจะตอบโต้จีนด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่ตามที่เคยขู่ไว้ซึ่งจะทำให้ภาคการค้าของโลกได้รับผลกระทบกดดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์กันไว้ อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ยังมีด้านบวกเพราะการระงับซื้อถั่วเหลืองของจีนจะทำให้กากถั่วเหลืองมีราคาลดลงช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรของไทย อาทิ CPF GFPT และ TFG (กากถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์)