ปรับตัวขึ้นต่อ

ปรับตัวขึ้นต่อ

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันศุกร์เย็นมีการเผยกิจการที่ได้รับการผ่อนปรนในเฟส 3

อย่างไรก็ดี ดัชนีถูกแรงขายทำกำไรตลอดช่วงการซื้อขาย จากระหว่างวันขึ้นไปปิดบวกสูงสุดเกือบ 20 จุด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,352.37 จุด (+9.52 จุด) Volume 6.5 หมื่นลบ. ต่างชาติ +1,393.92 ลบ. TFEX Net -2,440 สัญญา ตราสารหนี้ +701 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+/- ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 25,475.02 จุด +91.91 จุด +0.36% จากความหวังว่าศก.สหรัฐจะฟื้นตัว แม้มีปัจจัยลบจากเหตุประท้วงรุนแรงในสหรัฐ และข้อพิพาทสหรัฐ-จีน แต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 100 จุดกังวลสหรัฐยืนยันจะส่งกองกำลังทหารเข้าประจำการในเมืองต่าง ๆ ที่มีเหตุจลาจล

+/- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 5 เซนต์ -0.1% ปิดที่ 35.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดลบเล็กน้อยจากกังวลสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐ-จีน แต่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดบวกขานรับข่าวกลุ่มโอเปกพลัสกำลังหารือขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันก่อนการประชุมในวันที่ 4 มิ.ย.นี้

+ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดรอบ 11 ปี

+ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 39.8 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 36.1 ในเดือนเม.ย.

-จีนเตรียมระงับนำเข้าถั่วเหลือง 'สหรัฐ' ตอบโต้ถอนสถานะพิเศษ 'ฮ่องกง'

-การเมืองไทยขาดเสถียรภาพจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในพรรคพปชร.ที่กก.บห.ลาออกและมีตำแหน่งว่างจนทำให้ต้องเลือกตั้งกก.ชุดใหม่

+/-ธปท.เผยดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจพ.ค.กระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่ผู้ประกอบการยังกังวลภาวะธุรกิจในอนาคต

+/-ธปท.ยอมรับเงินบาทแข็งค่าเร็วช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมากังวลว่าไม่สอดคล้องกับความจริง พร้อมงัดมาตรการจำเป็นเข้าดูแล

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 63.08 จุด +2.21%

+ดัชนีนิกเกอิปิดบวก 184.50 จุด +0.84% เช้าเปิด +113.13 จุด

-ทองคำปรับตัวขึ้นหลังทรัมป์จะใช้กำลังทหารในการปราบปรามจลาจล

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.92 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.65 บาท/US

*จับตาสภาผู้ส่งออกแถลงสถานการณ์การส่งออก การประชุมครม. ส่วนสหรัฐเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อตามทิศทางตลาดภูมิภาค โดยการชุมนุมประท้วงในสหรัฐเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ "จอร์จ ฟลอยด์" ส่งผลให้การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนชะลอลง ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนจับตาประเด็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐทั้ง 18 คน ยื่นหนังสือลาออกมีผลวานนนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,345-1,365 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

CKP (ซื้อลงทุน Bloomberg Consensus 4.91)

 - คาดผลประกอบการ 2Q63 ปรับตัวดีขึ้นจาก 1Q63 เนื่องจากปริมาณน้ำทั้งเขื่อนน้ำงึม 2 และไซยะบุรีปรับตัวดีขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บางเขนชัยได้รับผลบวกจากภาวะอากาศร้อนทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตามยอดขายไฟฟ้าบางปะอินมีแนวโน้มอ่อนตัวจากการปิดภาคธุรกิจในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ด้านต้นทุนทางการเงินของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยคาดว่าจะได้รับผลบวกในครึ่งปีหลัง

 - ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีนี้เนื่องจากจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานทั้ง 2 แห่งซึ่งสร้างกำไรหลักให้บริษัทผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลงจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม เราจึงแนะนำ ซื้อลงทุน

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี (WICE TASCO CPF)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หากรัฐออกแพคเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 (SPA MAJOR CRC CPN SF HMPRO)

หุ้นมีข่าว   

(+/-) BANPU (Bloomberg Consensus 7.59) โดนพิษถูกถอดจาก MSCI ทำซื้อขายบน PBV เพียง 0.5 เท่า แวลูเอชั่นต่ำกว่าลูก BPP กูรูชี้โดนถอดจาก SET50 อีกรอบ แนะ "เชิงกลยุทธ์" ลงทุนหลังประกาศหุ้นเข้า-ออก มิถุนายน พื้นฐานธุรกิจถ่านหินแม้จะยังมีความท้าทาย แต่บริษัทอยู่ระหว่างปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด แนะ (ที่มาทันหุ้น)

ความเห็น PBV ของหุ้น BANPU อยู่ที่ 0.5 เท่าซึ่งต่ำกว่าการเกิดวิกฤตปี 2008 ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาจากราคาที่ถูก อย่างไรก็ตามแนวโน้มธุรกิจถ่านหินในระยะยาวถูกกดดันจากจีนและยุโรปลดการใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่องเนื่องจากสร้างมลพิษ อีกทั้งราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำส่งผลให้โรงงานต่างๆ หันไปใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมากขึ้น

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 51.65) หนุนรัฐปรับสูตรราคาก๊าซฯ เตรียมนำเข้า LNG ใช้ในโรง SPP 5 โครงการ ภายหลังจากที่ได้รับใบอนุญาต Shipper จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จำนวน 6.5 แสนตัน/ปี

ความเห็น เรามีมุมมองบวกจากการนำเข้า LNG โดยคาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ราว 8 ร้อยล้านบาทต่อปีหรือคิดเป็น 0.4 บาทต่อปีหรือคิดเป็นผลกระทบต่อราคาหุ้น 12-16 บาทต่อหุ้น หลังจากที่ดำเนินการนำเข้า LNG แล้วเสร็จในปี 2565

(-) DDD (Bloomberg Consensus 13.60 บาท)   ยอมรับไตรมาส 2/63 ขาดทุนต่อเนื่อง หลังกระทบโควิด-19 ชี้ยอดขายเริ่มฟื้นตัว หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ย้ำปี 63 พลิกมีกำไร เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) JKN (Bloomberg Consensus 5.79 บาท)   มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 2 พันล้านบาท รับทรัพย์ขายคอนเทนต์ในไทยและต่างประเทศเติบโต ยัน เอ็กซิมแบงก์ช่วยสกรีนลูกค้าก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจและค้ำประกันการจ่ายเงิน ช่วยปิดความเสี่ยงการผิดชำระหนี้อย่างดี (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PRM (Bloomberg Consensus 9.18 บาท) ชูธุรกิจเรือ FSU โดดเด่น อัตราการใช้เรือเต็ม 100% ดันผลงานพุ่งแรง มั่นใจรายได้โต 10-15% ทยอยเพิ่มกองเรือครึ่งปีหลังรับความต้องการใช้เพิ่มขึ้น แย้มมีความพร้อมขนส่ง LNG ฟากโบรกปรับกำไรปีนี้ขึ้น จากธุรกิจ FSU แข็งแกร่ง คาดกำไรไตรมาส 2/2563 ทำนิวไฮแตะ 300 ล้านบาท เชียร์ซื้ออัพราคาเป้าหมายใหม่เป็น 9.70 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AGC (Bloomberg Consensus - บาท)   พร้อมลุยธุรกิจใหม่ FASTFIT หรือ ศูนย์จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ หวังขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ด้วยเงินลงทุนที่ต่ำ พร้อมทั้งงัดกลยุทธ์รุกตลาดออนไลน์เพิ่มช่องทางจำหน่ายเต็มสปีด หนุนผลงานปีนี้เข้าเป้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TKN (Bloomberg Consensus 9.15 บาท) โบรกสแกนผลงานไตรมาส 2/2563 เติบโตดี หนุนจากยอดขายต่างประเทศที่ฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น เล็งรับรู้กำไรจาก Taokaenoi USA Inc ครั้งแรก เล็งวางขายสินค้าสาหร่ายในเกาหลีใต้และรัสเซีย ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้น 12.1% สะท้อนมาร์จิ้นที่สูงขึ้น พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 13 บาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) JMART (ราคาเหมาะสม 8.00 บาทมองผลงานไตรมาส 2/2563 เติบโตดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ยิ้มรับมาตรการรัฐปลดล็อกกระตุ้นยอดขายจับตาครึ่งหลังปี 2563 รายได้ทะยาน 30% ผู้บริหาร "อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" คาดผนึกกำลังพันธมิตรแบงก์เกาหลีเอื้อธุรกิจขยายตัวแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)