รัฐเปิดทางตั้ง 'กมธ.ตามงบฯ' สภาปัดแจกพื้นที่ ส.ส. 80 ล้าน
พปชร. ร่วมด้วย ขั้วรัฐบาลเปิดทางฝ่ายค้าน ร่วมตั้ง กมธ.วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้งบเงินกู้ตาม พ.ร.ก. จ่อชงที่ประชุม 10-11 มิ.ย. ด้านปธ.สภาฯ ยันไม่มีกรณี ส.ส. แบ่งงบลงพื้นที่ คนละ 80 ล้าน
ขณะที่กฤษฎีกาแจงปมศาล รัฐสภา เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่สามารถลดงบที่ได้รับจัดสรรระหว่างปีได้
ความเคลื่อนไหวหลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน จำนวน 3 ฉบับ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้ว่า จะมีการหารือในที่ประชุมวิปครั้งหน้า ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ตั้ง กมธ.ชุดนี้
ขณะนี้ 2 พรรค ได้ยื่นญัตติไปแล้ว คือ พรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพลังประชารัฐก็ไม่ขัดข้อง ส่วนที่มีการให้สัมภาษณ์คัดค้านก่อนหน้านี้ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น เชื่อว่าจะสามารถตั้ง กมธ.ได้ในวันที่ 10 หรือ 11 มิ.ย. โดยยังไม่ทันในการประชุมสภาฯ สัปดาห์นี้ เนื่องจากมีวาระที่ต้องพิจารณาเรื่องด่วนของรัฐบาล คือ พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 8.8 หมื่นล้านบาทก่อน
นายวิรัช ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล ดังจะเห็นได้จากการลงมติที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเสียงของรัฐบาลก็มีความเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งไม่เชื่อว่าจะเกิดปัญหาภายในจนทำให้รัฐบาลระส่ำระสาย
“ชวน”ปัดค่าหัวส.ส.80ล้าน
ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยระหว่างการอภิปรายว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งมีการกันงบจาก พ.ร.ก.กู้เงิน ไว้ให้ ส.ส.คนละ 80 ล้านบาท ผ่านทางจังหวัดว่า ตนไม่เคยทราบว่ามีประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ประเด็นที่ส.ส.อภิปราย ถูกนำหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่ ซึ่งกรณีที่มีการอภิปรายในสภาฯ นั้น ส.ส.ที่พูดต้องรับผิดชอบกับประเด็นที่อภิปรายต่อสังคม
กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าเป็นคนละเรื่อง ที่จะทำให้สภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อติดตามตรวจสอบเงินกู้ เพราะเป็นเรื่องของที่ประชุมสภาฯ จะพิจารณา
ส่วนญัตติที่เสนอโดย ส.ส. ทั้งสิ้น 4 พรรค รวม 4 ญัตตินั้น ไม่ทราบว่าจะเข้าสู่การประชุมสภาฯ เมื่อใด เพราะในสัปดาห์นี้ การประชุมสภาฯ มีวาระพิจารณาที่บรรจุไว้ในระเบียบวาระ คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนงบประมาณรายจ่ายฯ ปี 2563 โดยกำหนดให้ประชุมวันที่ 4 มิ.ย. และหากไม่แล้วเสร็จจะต่อเนื่องวันที่ 5 มิ.ย.
“ก้าวไกล”ชวนสังคมร่วมตรวจสอบ
ด้านนายพิจารณ์ ชี้แจงถึงกรณีที่ได้อภิปรายในสภาฯ ประเด็นการจัดสรรงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทใน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ได้ระบุว่า มีการจัดส่วนให้โครงการที่ ส.ส.เสนอ คนละ 80 ล้านบาทนั้น ตนไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ได้ยินการพูดคุยของ ส.ส.ทั้ง ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และส.ส.พรรครัฐบาล แต่ตนไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่า ส.ส.รัฐบาลที่พูดคุยกันนั้นเป็นพรรคการเมืองใด
อย่างไรก็ตาม วิธีการที่จะจัดสรรให้ ส.ส. นั้นจะเป็นการจัดสรรผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ตามโครงการที่ส.ส.ในพื้นที่เป็นผู้เสนอ โดยมีงบกำหนดให้สูงถึง 80 ล้านบาท ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวตนขอให้ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชนร่วมตรวจสอบ หากพบข้อมูลขอให้ส่งมายังที่พรรคก้าวไกล
สำหรับการตรวจสอบในรายละเอียด หากสามารถทำได้ภายใต้ กมธ.วิสามัญ จะเสนอให้ตั้งดิจิทัล แพลตฟอร์ม เพื่อพิจารณาข้อมูลการใช้จ่าย แทนการรอรับรายงานจากรัฐบาลใน 3- 6 เดือน
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า เมื่อมี กมธ.วิสามัญ ที่จะประกอบด้วย ส.ส.หลายพรรคการเมืองและอาจ มีส.ส.ที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมเป็น กมธ.นั้น ตนขอเรียกร้องให้ ส.ส.ให้ความร่วมมือต่อการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย
ฝ่ายค้านข้องใจสภา-ศาลไม่โอนงบ
วันเดียวกันคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)ได้นัดหารือพรรคร่วมที่รัฐสภา เพื่อพิจารณาและเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 มิ.ย.เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.)โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2563 พ.ศ.... วงเงิน 8.8 หมื่นล้านบาท โดยมีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เป็นประธานการประชุม
ทั้งนี้ที่ประชุมได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อประเด็นคำถามกรณีที่องค์กรอิสระ ศาล รวมถึงรัฐสภา ไม่ถูกหั่นงบฯ โดยผู้ชี้แจงจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจงความในสาระสำคัญว่า องค์กรอิสระที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ถือว่าเป็นหน่วยงานอิสระ ไม่สามารถลดงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ระหว่างปีงบประมาณได้ เช่นเดียวกับเงินนอกงบประมาณ ที่ไม่อยู่ในงบประมาณ
ทางด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยฐานะวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่าวิปฝ่ายค้านจะสรุปถึงเวลาที่จัดสรรให้กับพรรคฝ่ายค้านให้แล้วเสร็จ โดยกำหนดคือพิจารณา วันที่ 4 มิ.ย.หากไม่แล้วเสร็จจะต่อเนื่องวันที่ 5 มิ.ย.โดยการพิจารณาของสภาฯ จะรับหลักการ และตั้งกมธ.วิสามัญโดยใช้เวลาพิจารณา 7 วัน
ศบค.ขอบคุณสภาผ่าน 3พ.ร.ก.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวระหว่างแถลงสถานการณ์ประจำวัน ตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณทางรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาทุกท่านที่มาช่วยกันทำให้กฎหมายของเราผ่านไปได้ทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งเชื่อมโยงมาถึงโควิด-19
ยืนยันว่าทั้ง 3 ฉบับ มีเพียงฉบับเดียวที่เราขอกู้ นอกนั้นเรายังใช้งบประมาณของเราอยู่ ขอเรียนว่าทุกบาททุกสตางค์เราได้นำมาใช้ตรงนี้ ก็ขอฝากทุกคนดูแลกันเป็นอย่างดี เพื่อใช้เม็ดเงินก้อนนี้ ซึ่งเป็นก้อนที่เหลือน้อยมากแล้ว จะไม่มีก้อนใหม่อีกแล้ว ดังนั้นถ้าเราผ่านเดือน มิ.ย.นี้ไปได้ เราก็ไม่ต้องกู้ และยังหาเงินของตัวเองมาได้
เพิ่มโควตารับกลับ500คน/วัน
ส่วนความเคลื่อนไหว หลังคลายล็อก เฟส 3 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยภาพรวมการติดตามการบริหารจัดการมาตรการกักตัวควบคุมโรคของรัฐ (State Quarantine ) โดยสรุปสถานภาพคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่เข้าอยู่ในมาตรการกักตัวควบคุมโรคของรัฐ ตั้งแต่ 4 ก.พ.63 ถึงปัจจุบัน รวม 14,728 คน ตรวจพบผู้ติดเชื้อและส่งเข้ารับการรักษา 69 คน ครบกำหนดส่งกลับภูมิลำเนาแล้ว 8,638 คน และยังคงอยู่ในสถานกักควบคุมโรคทั้ง 29 แห่ง รวม 6,090 คน
ปัจจุบัน รับคนไทยกลับจากต่างประเทศ โดยเฉลี่ย 400 คน ใน 3-5 เที่ยวบินต่อวัน ทั้งนี้กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาเพิ่มขีดความสามารถของการบริหารจัดการคัดกรอง และกักตัวควบคุมโรค ให้สามารถรับคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศต่อวันได้มากขึ้น จาก 400 คน เป็น 500 คน โดยอยู่ระหว่างจัดเตรียมความพร้อมของสถานที่ ซึ่งจะสามารถรองรับการปฏิบัติได้ภายใน 5 มิ.ย.63
ตร.คุมเข้มมาตรการเฟส3
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. เปิดเผยว่าหลังมีมาตรการผ่อนคลายกิจกรรม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลและกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ ตามที่ได้มีมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 3 ให้กิจกรรม กิจการที่มี ความเสี่ยงปานกลางถึงสูง กลับมาเปิดให้บริการได้
ตลอดจนขยายเวลาเปิดห้างสรรพสินค้าถึง 21.00 น. ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวเหลือ 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ 23.00-03.00 น. และอนุญาตให้ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดได้หากมีความจำเป็นซึ่งกิจการและกิจกรรมที่กลับมาเปิดให้บริการได้ในระยะที่ 3 จะต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ทั้งการวัดอุณหภูมิ และสังเกตอาการป่วยของพนักงาน และผู้ใช้บริการ ตลอดจน การลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มไทยชนะ