พปชร.แตกไม่พอ ต้องให้ 'พัง' กันไปข้าง

พปชร.แตกไม่พอ ต้องให้ 'พัง' กันไปข้าง

สุมฟืนเข้ากองไฟกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับศึกใน “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ดูเหมือนจะจบ เมื่อ “กลุ่มสามมิตร” นำโดย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” นำส.ส.ในสังกัด เข้าพบ บิ๊กป้อม “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค เพื่อสวามิภักดิ์

เกมนี้ของ สามมิตรมีนัยทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อถึงเวลาเปิดไพ่ในมือ เพราะรู้ว่าต้องเลือกข้างผู้ชนะที่จะมาคุมบังเหียน พปชร.แบบเบ็ดเสร็จ เต็มตัว และคำตอบ คือ บิ๊กป้อม

ส่งผลให้เกือบทุกก๊กใน “พปชร.” เลือกสนับสนุน “บิ๊กป้อม” แทบทั้งหมด จะเหลือแค่บางก๊กเท่านั้น และการที่ “กลุ่มสามมิตร” ที่มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รวมอยู่ด้วย การเลือกแนวทางนี้ ย่อมเห็นและมั่นใจในอะไรบางอย่าง เพราะมือระดับ “สมศักดิ์” ที่ในชีวิตทางการเมือง ไม่เคยเป็น “ฝ่ายค้าน” มาสักครั้ง พูดง่ายๆ เลือกข้างผู้ชนะถูกเสมอ สถิติมันบอกอย่างนั้น

แน่นอนว่า การสนับสนุน “พล.อ.ประวิตร” ย่อมหมายถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในพรรคที่จะเกิดขึ้นตามมา

เมื่อมีคนหนุน ย่อมต้องมีคนต้าน โดยที่ระบุว่าเหลือบางกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวคู่ขนานกับฟาก “บิ๊กป้อม” แบบเห็นชัดเจนคือ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีส.ส.จากทุกภาคในมือจำนวนหนึ่ง ที่นัดโชว์พลังนัดส.ส.ติวเข้ม ตั้งแต่ก่อนอภิปรายพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ 1.9 ล้านล้านบาท

ว่ากันว่า ทันทีที่เรื่องถึงหู บิ๊กป้อมทำให้พี่ใหญ่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ หวังจะกำราบบางคนให้อยู่หมัด คนในพรรคต่างคิดว่าเมื่อนายจัดหนักขนาดนี้ ทุกอย่างคงสงบ ตรงนี้เองที่อาจเป็นปัจจัยเร่งให้ สามมิตรตัดสินใจ

แต่เอาเข้าจริง มันไม่ได้สงบอย่างนั้น เมื่อวันสุดท้ายของการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน“ ร.อ.ธรรมนัส” ที่ไม่รู้ว่าข้องใจกับผู้ใหญ่คนไหนเป็นพิเศษหรือไม่ ด้วยการขยับอีกรอบ โดยเรียกส.ส. ประชุม ที่ห้อง 419 ในอาคารรัฐสภา เพื่อโชว์ขุมกำลัง เทียบบารมี และเลือกยืนข้าง “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง และหัวหน้าพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค ที่ถูกแรงกระเพื่อมให้หล่นจากเก้าอี้เต็มตัว

 

ด้าน “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล คนข้างกาย “บิ๊กป้อม” ที่นำทัพเปิดหน้าชน กับทีม “อุตตม-สนธิรัตน์” โดยเฉพาะกับ “ธรรมนัส” เรียกว่าคู่นี้ “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” กันเลยก็ว่าได้

ขณะที่ “ธรรมนัส” นัด “ส.ส.” ไว้ห้องหนึ่ง เวลาเดียวกัน อีกห้องหนึ่ง “วิรัช” ก็นัดแกนนำกลุ่มต่างๆ และส.ส. ได้แก่ กลุ่มสามมิตร กลุ่มกทม. นำโดย “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ กลุ่มเพชรบูรณ์ นำโดย “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง กลุ่มภาคกลาง นำโดย “สุชาติ ชมกลิ่น” ประธานส.ส.พรรคพปชร.

การโชว์พลังทุกครั้งที่ผ่านมา ตัวเลขส.ส.จะถูกหยิบขึ้นมาอ้างว่าอยู่กลุ่มตัวเองตลอด สถานการณ์แบบนี้ เอื้อให้ “ส.ส.ฟรีแลนซ์” ที่ไม่สังกัดกลุ่มไหนชัดเจน ย้ายก้นไปวงนั้นทีวงนี้ที กลับมากระเป๋าตุง เดินตัวเอียงกันเป็นแถว ยิ่งพรรคขัดแย้ง “กลุ่มฟรีแลนซ์” ยิ่งชอบใจ

เดิมพันครั้งนี้ ถือว่าสูงทั้งสองฝ่าย เมื่อเลือกเปิดหน้าท้าชนแบบไม่มีอะไรต้องเสีย ฝ่าย ธรรมนัสก็แอบหวั่นว่าจะหลุดเก้าอี้ อันเป็นผลมาจากเรื่องเก่าที่ ฝ่ายค้านตามบี้ไม่เลิก หลังยื่น ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ดังนั้น ทั้ง “อุตตม-สนธิรัตน์-ธรรมนัส” ถึงต้องจับมือกันต้านแรงกระเพื่อมในพรรค ที่เห็นชัดว่าใครกำลังต้องการอะไร ลำพังแค่เก้าอี้บริหารในพรรค ยังพอทำเนา ทั้ง 3 คน พร้อมจะทิ้งวันนี้พรุ่งนี้ได้ แต่ใครจะการันตีเก้าอี้รัฐมนตรีได้ นั่นต่างหากที่สำคัญ

สถานการณ์ใน “พลังประชารัฐ” พูดได้เต็มปาก ว่า พรรคแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็ว่าได้ เมื่อ “ฝั่งบิ๊กป้อม” ที่ถือเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง รุกไล่ ฝ่ายที่เคยถูกใช้งานเพื่อก่อตั้งพรรค ถอยจนต้องฮึดสู้

จังหวะต่อไปคงได้เห็น การห้ำหั่นเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง เริ่มต้นที่เกมดีด “อุตตม-สนธิรัตน์” พ้นตำแหน่ง “กรรมการบริหารพรรค” ของขุนพล “ฝั่งบิ๊กป้อม” ที่แพ็กกันลาออกเกินครึ่ง คือ 18 จาก 34 คน เท่ากับว่าต้องประชุมพรรคแต่งตั้งคนชุดใหม่แทน

ที่แน่ๆ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” เหนียวแน่นยิ่งกว่าอะไรดี แต่ในทางการเมือง หน้าฉากอาจแสดงออกอะไรได้ไม่เต็มที่ จนบางคนคิดและเข้าใจอะไรไปเองว่าพี่กับน้องขัดกัน และต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง นั่นถือว่าคิดผิด เพราะถ้า พี่น้อง 2 ป. เดินเกมแบบที่ใครต่อใครอ่านออก คงจะดูไม่จืด ว่ากำลังคิดและทำอะไร ทั้งคู่ไม่มีทางเสียท่านักการเมืองอย่างแน่นอน

เกมเขย่าพรรครอบนี้ รุนแรง และกดดัน บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี อย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงคราวต้องตัดสินใจ ปิดเกม ทำให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น คงกู้ศรัทธากลับมาลำบาก