เลือกเล่นรายตัว

เลือกเล่นรายตัว

คาดปัจจัยบวกภายในจะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวด์ขึ้นหลังสภาฯผ่านพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index เพิ่มขึ้น 5.34 จุด (+0.4%) ปิดที่ระดับ 1,343 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.6 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะมีความกังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-จีนหลังรัฐสภาจีนอนุมัติกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง อย่างไรก็ตามดัชนีได้ปัจจัยหนุนศบค.ปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจเฟส 3 รวมถึงการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI รอบใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ ได้แก่ KTC, AWC และBAM หนุนให้ดัชนีปิดแดนบวกได้สำเร็จ ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,504 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,992 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 10,165 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวทดสอบ 1,330 – 1,350 จุด โดยแม้ว่าดัชนีจะถูกกดดันจากความกังวลการประท้วงที่ลุกลามเพิ่มขึ้นในสหรัฐส่งผลให้หลายเมืองใหญ่ต้องประกาศเคอร์ฟิว รวมถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-จีนที่เพิ่มขึ้นหลังสหรัฐยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกงเพื่อตอบโต้จีนที่กฏหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง ซึ่งกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัจจัยบวกภายในจะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวด์ขึ้นหลังสภาฯผ่านพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือ 35 US/Barrel หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซของสหรัฐลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้นจะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น
  • MINT, CENTEL, ERW และ AOT คาดหวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังคลาย Lockdown
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA, RS)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTGC (ปิด 43 ซื้อ/เป้า 50 ) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว, คลาย lockdown ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้นาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
  • JMART (ปิด 8.65 ซื้อ/เป้า IAA consensus 9.4 ) ตลาดมองข้ามผลประกอบการที่คาดว่าจะอ่อนแอใน 2Q20 ไปแล้ว และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q20 เป็นต้นไป ส่วนระยะสั้นสัปดาห์นี้ยังได้  Sentiment บวกจากภาครัฐขยายเวลาปิดห้างเป็น 3 ทุ่ม หนุนให้ผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น

บทวิเคราะห์วันนี้

Tourism sector (Top pick: AOT)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) ดาวโจนส์ลดลงเล็นน้อย หลังทรัมป์ ประกาศตอบโต้จีน แต่ไม่ได้รุนแรงเหมือนที่ตลาดกังวล:  เมื่อวันศุกร์ประธานาธิบดีประกาศตอบโต้จีนตามที่กล่าวไว้ โดยสั่งให้คณะบริหารเริ่มกระบวนการยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกงเพื่อตอบโต้จีนที่บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศตัดความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างไรก็ตามนักลงทุนมองว่าการตอบโต้ของสหรัฐในครั้งนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนกับที่ตลาดกังวล เนื่องจาก ทรัมป์ ไม่ได้มุ่งโจมตีไปที่ภาคการค้ากับจีนโดยตรง และไม่มีการเรียกเก็บหรือปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีน ปัจจัยนี้จึงหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์มีการฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาดส่งผลให้ ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ลดลงเล็กน้อยเพียง 17.5 จุด (-0.07%) ปิดที่ระดับ 25,383 จุด
  • (+) น้ำมันดิบทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือนคาดหวังดีมานด์เพิ่มขึ้นจากการคลาย lockdown และ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ (+5.3%) ปิดที่ระดับ 35.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยได้ปัจจัยหนุนทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลาย โดยฝั่งดีมานด์ นักลงทุนยังคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยกระตุ้นดีมานด์หลังจากทั่วโลกผ่อนคลาย lockdown ส่วนฝั่งซัพพลายได้แรงหนุนหลังจากการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐยังลดลงต่อเนื่องล่าสุดสหรัฐประกาศตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลงอีก 17 แท่น สู่ระดับ 301 แท่น นับเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
  • (+/-) วันนี้ติดตาม ประเทศเศรษฐกิจหลักประกาศตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต คาดออกมาในโทนเป็นบวก: วันนี้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก อาทิ จีน ยุโรป และ สหรัฐ จะประกาศตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของเดือน พ.ค.ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ เบื้องต้นเราคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะออกมาในโทนทรงตัวหรือสูงขึ้นจากเดือน เม.ย. ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกิจกรรมเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากที่ประเทศเหล่านี้ทยอยคลาย lockdown  และทยอยเปิดเศรษฐกิจ (Reopen) การฟื้นตัวของตัวเลขดัชนี PMI น่าจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนโดยรวมให้อยู่ในทิศทางขึ้นได้ต่อในวันนี้