ความกังวลสหรัฐฯ-จีน ลดลงเป็นบวกช่วงสั้น ระวังการอ่อนค่าของบาทในระยะถัดไป

ความกังวลสหรัฐฯ-จีน ลดลงเป็นบวกช่วงสั้น ระวังการอ่อนค่าของบาทในระยะถัดไป

ความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน จะไม่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น

การแถลงข่าวของประธานาธิปดีทรัมป์เมื่อวันศุกร์โดยรวมถือว่าเป็นบวก เนื่องจากถึงจะมีการตำหนิจีนเกี่ยวกับกรณีกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกง แต่ไม่มีการพูดถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือการยกเลิกข้อตกลงการค้าอย่างที่ตลาดกังวล และแตะเฉพาะประเด็นสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการประกาศตัดความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเราว่าประธานาธิปดีทรัมป์จะไม่เสี่ยงทำอะไรที่อาจกระทบต่อโมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เหลืออีกเพียงไม่เกิน 6 เดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิปดีในเดือนพ.ย. นอกจากนี้เหตุจราจลในหลายเมืองจากรณีชายผิวสีเสียชีวิตจากการจับกุม จะทำให้สหรัฐฯ ต้องลดความแข็งกร้าวในระยะสั้นลง ซึ่งถือเป็นบวกต่อบรรยากาศลงทุนโดยรวม

การเดินหน้าผ่อนคลายเศรษฐกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจยังเป็นบวกต่อแรงเก็งกำไรระยะสั้น การประกาศผ่อนคลายเศรษฐกิจระยะที่ 3 รวมถึงการผ่นานร่างพ.ร.ก.เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากไวรัสโคโรนา วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนน 274 เสียง งดออกเสียง 207 เสียง จะยังเป็นปัจจัยบวกต่อการเก็งกำไรระยะสั้น...แต่..

..ระวังผลกระทบเศรษฐกิจที่จะชัดขึ้นและการอ่อนค่าของเงินบาท แม้ภาพรวมของสินทรัพย์เสี่ยงจะยังได้แรงหนุนจากมาตรการผ่อนคลายทางด้านการเงินของธนาคารกลาง และการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลก แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเริ่มชัดเจนขึ้น จณะเดียวกันให้ระวังการอ่อนค่าของเงินบาท เนื่องจากการเกินดุลเชิงโครงสร้างของไทย เกิดขึ้นจาก การส่งออกที่แข็งแกร่ง และการเกินดุลบริการจากภาคของการท่องเที่ยว ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบจากโควิด โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเม.ย.ไม่รวมทองคำจะขาดดุลถึง 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เรามองเงินบาทแข็งค่าได้จำกัด และเสี่ยงต่อการอ่อนค่า ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ส่งออกโดยเฉพาะในกลุ่มอาหาร แต่จะกระทบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่มีหนี้ในสกุลต่างประเทศมาก

เลือกเก็งกำไรรายตัว โดยประเด็นที่น่าสนใจได้แก่ 1) กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ดี/ดีกว่าอุตสาหกรรม ได้แก่ IVL, SCC, STA, TIP, VRANDA 2) หุ้นกำไรมั่นคง (defensive) GPSC, BCPG, RATCH, BCH, CHG, SSP, SUPER 3) กลุ่มประกันภัย TIP และ THRE 4) กลุ่มการเงินที่ยังไม่แพง BFIT, AMANAH 5) กลุ่มธนาคาร ชอบ BBL และ KBANK ทั้งนี้การเก็งกำไรในกรอบ 1300-1400 จุด ควรคุมความเสี่ยงด้วยการตั้งขาดทุนทุกครั้ง

ภาพรวมกลยุทธ์ มีโอกกาสฟื้นตัวหลังความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีนไม่เพิ่มขึ้น และอาจผ่อนคลายลงจากเหตุจราจลในประเทศ  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  CPF*, TU*, BCH*, BBL*

แนวรับ 1,320-1,334 / แนวต้าน : 1,350-1,360 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐประกาศเคอร์ฟิวในหลายเมือง หลังเหตุประท้วงรุนแรงลุกลาม จนกลายเป็นเหตุจลาจล ทั้งการทำลายทรัพย์สินสาธารณะ การเผารถยนต์ และการทุบกระจกร้านค้า ตลอดจนการปะทะกับตำรวจ

ญี่ปุ่นเล็งผ่อนคลายผู้ที่เดินทางจากไทยเข้าประเทศได้ หลังผู้ติดเชื้อลดลง ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะผ่อนคลายการเข้าประเทศให้กับผู้ที่เดินทางมาจากไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เนื่องจากมีสัญญาณว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศเหล่านี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง

KTC ยอดรูดเม.ย.ติดลบ 40% - ธนาคาร-น็อนแบงก์ส่งสัญญาณธุรกรรมกดเงินสดร่วงหนัก สารพัดปัจจัยรุมเร้า "ล็อกดาวน์-คนระวังใช้จ่าย-วงเงินเต็ม" แถมลูกหนี้ "ติดล็อก"

KTECH ยกเลิกการขอเพิกถอนออกจากตลท. (ยกเลิก tender offer) XM 11 มิ.ย.63 และประชุมผู้ถือหุ้น 31 ก.ค.63

 

ประเด็นติดตาม: 1 มิ.. – US PMI / 4 มิ.. – ECB meeting / 5 มิ.. – ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)