สิงคโปร์จับคู่เจรจาท่องเที่ยวปลอดภัย

สิงคโปร์จับคู่เจรจาท่องเที่ยวปลอดภัย

สิงคโปร์จับคู่เจรจาท่องเที่ยวปลอดภัย ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกประเทศต้องคิดต่อ และสิงคโปร์คิดและลงมือแล้ว แม้ยังไม่ใช่การเดินทางของคนหมู่มากก็ตาม

ในช่วงที่เศรษฐกิจทุกประเทศระส่ำเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) การจะฟื้นตัวได้โดยเร็วก็ต้องอาศัยการท่องเที่ยว ภาคส่วนที่ทำเงินได้มากใช้เงินลงทุนน้อย แต่จะท่องเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัยถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกประเทศต้องคิดต่อ ซึ่งสิงคโปร์คิดและลงมือแล้ว แม้ยังไม่ใช่การเดินทางของคนหมู่มากก็ตาม

ชาน ชุนซิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ค.) ว่า สิงคโปร์กำลังเจรจากับเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมาเลเซีย เตรียมตั้งเส้นทางปลอดภัย (กรีนเลน) เพื่อการท่องเที่ยวท่ามกลางโควิด-19 ขณะที่จีนเป็นชาติแรกที่ทำกรีนเลนกับสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.)

การเจรจาดังกล่าวเปิดช่องให้มีการติดต่อและอำนวยความสะดวกให้กับการทำธุรกิจและเดินทางติดต่อราชการระหว่างกันในระยะสั้น โดยต้องขึ้นอยู่กับความปลอดภัยต่อไวรัสในแต่ละประเทศ

ชานระบุว่า การจะพิจารณาว่าจะทำข้อตกลงกรีนเลนกับประเทศใดต้องดูหลายปัจจัย

“ข้อตกลงกรีนเลนซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน หมายถึงความไว้เนื้อเชื่อใจถึงมาตรฐานและระเบียบปฏิบัติในการตรวจหาเชื้อของกันและกัน” ชานกล่าวและว่า สถานการณ์ที่ไม่มีใครไว้ใจกัน “ทุกคนต่างทำในแนวทางของตนเอง” ทุกประเทศยืนยันตรวจหาเชื้อจากนักท่องเที่ยวแล้วกักตัวไว้ 14 วัน ไม่มีทางใช้การได้

ทั้งนี้เพราะนอกจากนักเดินทางต้องตรวจหาเชื้อ 2 ครั้งแล้ว ยังต้องถูกกักตัวอีกเกือบทั้งเดือน เพื่อเดินทางจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง

ถึงขณะนี้การทำข้อตกลงกรีนเลนให้ได้ผล เริ่มต้นทั้งสองประเทศจะต้องเชื่อมั่นในการดูแลของกันและกันเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยประสานคำสั่งกักตัวที่นักเดินทางตรวจหาเชื้อหรือกักตัวแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

นอกจากหารือกันเรื่องระเบียบการที่จำเป็นแล้ว ยังต้องดูถึงสถานการณ์สาธารณสุขในประเทศว่าเมื่อใดจะนำระเบียบการเหล่านี้ไปใช้ได้อย่างปลอดภัย

ชานกล่าวด้วยว่า สิงคโปร์หารือเรื่องตั้งกรีนเลนกับนานาประเทศให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในเวลาเดียวกัน เป็นการหารือระดับทวิภาคีไม่ใช่พหุภาคี

“เรายินดีที่สามารถทำข้อตกลงกับจีนได้อย่างรวดเร็ว และหวังว่ากับประเทศอื่นๆ ที่เหลือจะคืบหน้าด้วย”

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในสิงคโปร์ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเที่ยงวันเสาร์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 506 คน ส่งผลผู้ติดเชื้อสะสมทั้งประเทศรวม 34,366 คน ในบรรดาผู้ติดเชื้อใหม่เป็นการติดเชื้อในชุมชน 5 คน เป็นชาวสิงคโปร์ 1 คน ผู้มีถิ่นพำนักถาวร 1 คน ผู้มีใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานไร้ฝีมือ 2 คน ที่เหลืออีก 1 คน เป็นผู้มีใบอนุญาตทำงาน

การทำกรีนเลนของสิงคโปร์ไม่แตกต่างจากแนวคิด “travel bubbles” ฟองอากาศการท่องเที่ยวที่พูดถึงกันมากก่อนหน้านี้ บนหลักคิดที่ว่า ประเทศใดสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้วถือว่าประเทศนั้นมีความปลอดภัย จะสามารถเดินทางไปประเทศอื่นที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้เช่นกัน เปรียบเสมือนประชากรมีฟองอากาศปกป้อง ซึ่งสองประเทศอาจจะจับคู่ทำ travel bubbles ระหว่างกัน หรือมีหลายประเทศที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้วมาทำข้อตกลงเป็นกลุ่มก็ได้

เว็บไซต์สมิธโซเนียนแม็กกาซีน รายงานว่า ประเทศที่เปิดพรมแดนระหว่างกันตามหลักคิดฟองอากาศท่องเที่ยวแล้ว ได้แก่ เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย เมื่อวันที่ 15 พ.ค.พลเมืองและผู้มีถิ่นพำนักใน 3 ประเทศริมทะเลบอลติกสามารถไปมาหาสู่กันได้เสรีใน 3 ประเทศ แต่บุคคลจากนอกกลุ่มเข้ามาต้องถูกกักตัว 14 วันถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงต่ำฟินแลนด์และโปแลนด์อาจเข้าร่วมกับทั้ง 3 ประเทศด้วย

ส่วนประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป (อียู) ฝรั่งเศสอนุญาตให้ผู้ที่เดินทางจากสมาชิกอียูไม่ต้องกักตัว 14 วัน เยอรมนีก็มีแผนเปิดพรมแดนกับฝรั่งเศส ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 15 มิ.ย. ตราบเท่าที่การติดเชื้ออยู่ในระดับจัดการใด ส่วนเพื่อนบ้านในกลุ่มอย่างออสเตรีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก กรีซ และแม้แต่ประเทศนอกกลุ่มอย่างอิสราเอล ก็กำลังเจรจาพยายามสร้างกลุ่มแบบเดียวกัน