กำหนด '4 แนวทาง' ใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก. หลังสภาฯผ่านฉลุย

ต้องยึดกรอบ 4 แนวทางเคร่งครัด มาจากความต้องการ ปชช. ขณะที่ตัวเลขติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย กลุ่มกักกันกลับจาก ตปท.

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร 5 วัน ระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.63 เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการเงิน สำหรับเยียวยาแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ผ่านการพิจารณาของ ส.ส.อย่างไร้ปัญหา

โดยที่ประชุมสภาฯ วานนี้ (31 พ.ค.) มีมติเสียงข้างมากอนุมัติร่าง พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) 3 ฉบับ ดังนี้ 1.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากอนุมัติ 274 คะแนน โดยไม่มีการลงมติไม่เห็นด้วย แต่มีส.ส.ใช้สิทธิงดออกเสียงจำนวน 207 คน

2.พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากอนุมัติ 275 คะแนน ไม่เห็นด้วย 1 คะแนน งดออกเสียง 205 คะแนน

3.พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากอนุมัติ 274 คะแนน ไม่เห็นด้วย 195 คะแนน งดออกเสียง 12 คน

ทั้งนี้ ตามขั้นตอนจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป โดยหากสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติแต่วุฒิสภาไม่อนุมัติและสภาฯ ยืนยันการอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ให้พ.ร.ก.นั้นตกไป หากวุฒิสภาอนุมัติ พ.ร.ก.นั้นจะมีผลใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป

นายกฯพร้อมให้ตรวจสอบทุกรูปแบบ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวสรุปในสภาฯ พร้อมทั้งชี้แจงทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านตั้งคำถาม และยืนยันว่า เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่สมาชิกเสนอให้มีการติดตามตรวจสอบการใช้เงินนั้น ตนยินดีให้มีการตรวจสอบทุกประการ ตนถือว่าเงินกู้ดังกล่าวคือเงินแผ่นดิน ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ ไปดูแล้วกันที่มีการเสนอแผนงานมาจากข้างล่างว่าเขาเสนอมาถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนละเอียดมาตั้งแต่ต้น ไม่อย่างนั้นเสนอขึ้นมาข้างบนไม่ได้ ต้องมีการคัดกรองขึ้นมา กว่าจะมาถึงคณะกรรมการคัดกรองมีหลายขั้นตอน และไม่ได้มีเฉพาะข้าราชการ แต่ยังมีที่ปรึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานในการตรวจสอบเข้ามาร่วมตรงนี้ด้วย

“เรื่องการจะตั้ง กมธ.วิสามัญเป็นเรื่องที่ท่านจะต้องพูดคุยกันต่อไป ผมไม่ได้ไปคัดค้านอะไรสักอย่าง ผมยังตอบไม่ได้ตอนนั้นเพราะมันยังไม่ได้อยู่ในขั้นตอนนั้น ไม่ใช่ไปพูดสิ่งที่มันยังไม่ได้มาถึง ก็เป็นเรื่องของสภาฯ สมาชิกพิจารณากัน”

ในตอนท้ายนายกฯ กล่าวว่า ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่น ไว้ใจตนและรัฐบาล เหมือนช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีใครไม่ชอบก็ตาม แต่ขอให้เราก้าวผ่านไปด้วยกัน ตนในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารขอยืนยันว่าจะบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของข้อมูลที่รอบด้าน เหมาะสม โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมการและที่ปรึกษาด้านต่างๆ ที่ตนตั้งขึ้น

ฝ่ายค้านจำใจงดออกเสียงไม่คว่ำพ.ร.ก.

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายถึงการลงมติของฝ่ายค้านว่า ถ้าไม่เห็นด้วยก็ถูกกล่าวหาว่าขวาง หากเห็นด้วยก็ถูกกล่าวหาว่าชกไม่สุดหมัด ครั้นจะไม่ให้ผ่านเราก็สงสารชาวบ้านเพราะพวกท่านเอาชาวบ้านมาเป็นตัวประกันแล้ว วันนี้มือพวกเราสู้ไม่ได้ แต่ที่ต้องอภิปรายเพื่อให้บันทึกไว้ในสภา ให้เห็นเหตุผลและที่มาที่ไปของการลงมติ

“การงดออกเสียง ขอประชาชนเข้าใจว่าพวกผมไฟเขียวให้ผ่านอย่างขมขื่น อะไรที่พวกผมไม่เห็นชอบ แสดงว่ามันเหลือเกินจริงๆ อย่าไปคิดว่าเราชกไม่สุดหมัด เพราะเราทำมาแล้วทุกอย่างจริงๆ ชีวิตฝ่ายค้านทำมาแล้วสุดๆ ตอนแรกจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ผมไปล่ารายชื่อพรรคเพื่อไทยพรรคก้าวไกลก็ไม่อยากลง เพราะหมากเกมนี้รู้อยู่แล้ว ถ้าในวันหน้าพวกผมไปทำอย่างนี้ จะมีโอกาสมาถึงสภาหรือไม่ คงถูกตีตกไปแล้ว ยืนยันฝ่ายค้านทำงานเต็มที่”

มท.ย้ำจังหวัดเสนอโครงการจากปชช.

วันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (รมว.มท.) เป็นประธานการประชุมแนวทางการเสนอโครงการ ภายใต้กรอบนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ผ่านระบบทางไกล โดยมีผู้บริหารระดับสูงมท. ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ หัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอทั่วประเทศ ร่วมประชุม

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่านายกฯ ได้มอบแนวทางการจัดทำโครงการ วงเงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ โดยเน้นย้ำว่าต้องมีกระบวนการทำงานที่โปร่งใส ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโครงการ ผู้รับผิดชอบโครงการและหน่วยงานกำกับ ไม่ให้เกิดการทุจริตทุกรูปแบบ ที่สำคัญต้องเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับประชาชนโดยเฉพาะการฟื้นฟูให้เศรษฐกิจกลับไปเดินได้ ซึ่งทุกหน่วยงานในพื้นที่ที่มีแผนงานโครงการสร้างผลิตภาพ ต้องเสนอโครงการผ่านกลไกคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ(ก.บ.จ.) เพื่อไม่ให้เกิดการหาประโยชน์ และมีขั้นตอนที่โปร่งใส เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถตรวจสอบได้ง่ายก่อนเสนอเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

กำหนดกรอบโครงการ 4 แนวทาง

ขณะที่นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัด มท. ขยายความถึงแนวทางการเสนอโครงการ 4 แนวทาง ประกอบด้วย 1.ต้องช่วยสร้างรายได้จากภาคการผลิตและภาคบริการที่ทันสมัย จะเป็นในด้านภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม, การค้า การลงทุน ภาคการท่องเที่ยว ก็ได้
2.ต้องช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ เช่น การพัฒนาและยกระดับสินค้า สร้างตลาด เพิ่มรายได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน พัฒนาฝีมือแรงงานท้องถิ่น 3.ต้องช่วยกระตุ้นการบริโภคและการใช้จ่ายภายในประเทศ

4.สามารถเสนอขอรับงบประมาณที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานได้ แต่จะต้องทันสมัย แก้ปัญหาได้จริง เช่น การพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ระบบชลประทาน การปรับปรุงระบบโครงข่ายคมนาคม การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม

พบป่วยโควิดเพิ่ม 4 รายในศูนย์กักกัน

ทางด้านสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 วานนี้(31พ.ค.)พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย โดยทั้งหมดเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ คนที่ 1 กลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนอีก 2 รายเป็นนักศึกษาที่กลับมาจากตุรกี และอีก 1 รายเป็นนักศึกษากลับมาจากซาอุดีอาระเบีย

ส่วนจำนวนผู้รักษาตัวอยู่ในศูนย์กักกัน 3,081 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 2 ราย รวมหายป่วย 2,963 รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 61 ราย มีเพียง 1 รายอาการรุนแรง