'เศรษฐกิจโลก' อึดอัดมากขึ้น เมื่อ 'อเมริกา' หายใจไม่ออก

'เศรษฐกิจโลก' อึดอัดมากขึ้น เมื่อ 'อเมริกา' หายใจไม่ออก

แม้ผู้นำโลกอย่างสหรัฐจะมีข่าวดีอย่างความสำเร็จในการส่งนักบินอวกาศนาซาขึ้นสู่อวกาศได้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องน่าเศร้าอย่างการประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับชายผิวสี และสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังต้องจับตา สถานการณ์นี้อาจทำให้เศรษฐกิจโลกอึดอัด

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีทั้งเรื่อง “น่าตื่นเต้น” และ “น่าเศร้าใจ” เกิดขึ้นมากมายใน “สหรัฐอเมริกา” ประเทศที่เล่นบทบาท “ผู้นำโลก” มาโดยตลอด ...คืนวันเสาร์ตามเวลาประเทศไทย “สหรัฐ” โดย “สเปซเอ็กซ์” ประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวด “ฟอลคอน-9” ซึ่งส่งแคปซูลโดยสารที่ชื่อ “ครูว์ดราก้อน” บรรทุกนักบินอวกาศของนาซา 2 นาย คือ “ดั๊กลาส เฮอร์ลีย์” และ “บ็อบ เบห์นเคน” ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) โดยการปล่อยจรวดคราวนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่สหรัฐส่งนักบินอวกาศเดินทางสู่อวกาศจากแผ่นดินสหรัฐ ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่สหรัฐโชว์ให้ทั่วโลกเห็นถึง “ศักยภาพ” ในบทบาทผู้นำโลก

ทว่าสื่อมวลชนจากทั่วโลกกลับไม่ได้ให้น้ำหนักกับข่าวนี้มากนัก เพราะทุกสำนักต่างพุ่งเป้ารายงานไปที่สถานการณ์ “การประท้วง” อย่างดุเดือดและรุนแรงแบบที่ไม่มีให้เห็นบ่อยนักในสหรัฐ การประท้วงดังกล่าว ล่าสุดขยายวงไปแล้วกว่า 50 เมือง เหตุการณ์ประท้วงครั้งนี้ สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของ “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวสีอายุ 46 ปี ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองมินนิอาโปลิสจับกุมเพราะสงสัยว่าใช้ธนบัตรปลอมซื้อสินค้า โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบังคับเขานอนคว่ำหน้าแล้วใช้เข่ากดไปที่บริเวณลำคอของนาย “ฟลอยด์” จนเขาต้องร้องขอชีวิตด้วยการบอกว่า “ผมหายใจไม่ออก” สุดท้ายก็เสียชีวิตลง ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้คนจำนวนมาก

แน่นอนว่า “การประท้วง” ที่ดุเดือดและรุนแรงนี้ นอกจากจะเป็นการเรียกร้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับ “จอร์จ ฟลอยด์” แล้ว คนอเมริกันส่วนหนึ่งที่ออกมาประท้วง ก็เพื่อเรียกร้อง “ความเท่าเทียม” ในสังคมด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องการเหยียดผิวยังคงฝังลึกอยู่ในรากเหง้าของสังคมอเมริกัน การปฏิบัติต่อผู้คนในแต่ละกลุ่มจึงไม่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้เหตุการณ์ประท้วงที่รุนแรงถึงขั้นเผาบ้าน เผาเมือง ปล้นสะดมร้านค้าต่างๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่พอใจรัฐบาลในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้เศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำ ผู้คนตกงานจำนวนมากด้วย

ประเด็นที่ “น่าห่วง” ยิ่งกว่าหลังจากนี้ คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐจะเป็นอย่างไร แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐเริ่มลดลง แต่ปัจจุบันก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมแล้วกว่า 1.7 ล้านราย มีผู้เสียชีวิตทะลุหลักแสนราย เหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นกว่า 50 เมืองในครั้งนี้ กำลังทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ “หนักมากขึ้น” ...สิ่งที่เราควรต้องติดตาม คือ สหรัฐจะรับมืออย่างไร หากโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักในระลอกสอง

ก่อนหน้านี้ไม่นาน “เจอโรม พาเวล” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพิ่งแสดงความเป็นห่วงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน “ระลอกสอง” โดยเขาห่วงว่า หากเกิดการระบาดอีกรอบ จะยิ่งทำลายความเชื่อมั่นและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจที่หนักขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า

แม้ “เฟด” ระบุว่า ยังมีขีดความสามารถในการใช้นโยบายการเงินเพื่อดูแลสถานการณ์ดังกล่าว แต่คนที่ติดตามข่าวสารในแวดวงการเงินพอจะดูรู้ว่า เครื่องมือที่เฟดเหลืออยู่มี “ไม่มากนัก” หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกรอบ สถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐจะไม่ต่างจากคนที่ขาดอากาศหายใจ ถึงตอนนั้นเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยคงอึดอัดมากยิ่งขึ้น เพราะยังไงสหรัฐก็ยังเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก