สุดารัตน์ชี้ 'โควิด' เป็นแพะรับบาป รัฐบาลแก้เศรษฐกิจล้มเหลว

สุดารัตน์ชี้ 'โควิด' เป็นแพะรับบาป รัฐบาลแก้เศรษฐกิจล้มเหลว

คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ ฉะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ใช้ COVID-19 เป็น “แพะรับบาป” ความล้มเหลวในการแก้เศรษฐกิจตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา

วันนี้ (31 พ.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์แสดงความเห็นบนเฟซบุ๊ค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan เกี่ยวกับการชี้แจงกรณีการใช้งบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ผ่าน พ.ร.ก. 3 ฉบับ เพื่อแก้ปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19 ดังนี้

จากการได้ฟังนายกประยุทธ์พูดชี้แจงในสภา ตลอด 4-5 วันที่ที่ผ่ามา จนถึงวันนี้ที่ต้องลงมติ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ

สรุปได้ว่า COVID-19 กลายเป็น “แพะรับบาป” ความล้มเหลวในการแก้เศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา

สถานการณ์เศรษฐกิจก่อน COVID-19 ก็ย่ำแย่มาเรื่อย ๆ ตั้งแต่หลังการทำรัฐประหารปี 2557 อยู่แล้ว จะเห็นได้จากการจัดเก็บภาษีที่ต่ำกว่าประมาณการมาโดยตลอด แสดงว่าคนไทยไม่มีกำลังซื้อ หรือรายได้ต่ำ หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น ปัจจุบันเฉลี่ยเกิน 80% ของ GDP แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยมีรายได้ต่ำ ไม่พอค่าครองชีพ ภาระหนี้สินจึงสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่อันตรายมาก

ความจริงที่ปรากฏคือ 6 ปีมานี้ คนไทยส่วนใหญ่ยากจนลง ทำมาหากินฝืดเคือง ตั้งแต่เกษตรกรที่ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว เจอทั้งปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ซ้ำเติมด้วยภัยแล้งและน้ำท่วม จนถึงธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ทั้งหลายที่รายได้หดหาย เพราะกำลังซื้อภายในประเทศตกต่ำต่อเนื่องมาตลอด 6 ปี

ความจริงที่ปรากฏคือ 6 ปีมานี้ คนไทยส่วนใหญ่ยากจนลง ทำมาหากินฝืดเคือง ตั้งแต่เกษตรกรที่ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว เจอทั้งปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ซ้ำเติมด้วยภัยแล้งและน้ำท่วม จนถึงธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ทั้งหลายที่รายได้หดหาย เพราะกำลังซื้อภายในประเทศตกต่ำต่อเนื่องมาตลอด 6 ปี ที่พลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี จนธุรกิจต้องทยอยปิดตัวลง

สิ่งที่น่าห่วงคือ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินไปมากที่สุด ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ใช้งบประมาณแผ่นดินไปแล้วกว่า 17.5 ล้านล้านบาท ตั้งแต่ปี 2558-2563 แต่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้เลย กลับย่ำแย่ลงทุกปี

นอกจากนั้น รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยังได้สร้างหนี้สินไว้มากมาย ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 นายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ได้สร้างหนี้ให้คนไทยไปแล้วกว่า 2.6 ล้านล้านบาท ซึ่งถ้านับรวมการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่จะเอามาสู้วิกฤต COVID-19 และต้องกู้มาชดเชยการขาดดุลของปีงบประมาณปี 2564 อีกเกือบ 500,000 ล้านบาท นายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์จะสร้างหนี้รวมทั้งหมดสูงถึง 4 ล้านล้านบาท ที่จะเป็นภาระให้คนไทยทุกคนต้องใช้หนี้กันไปชั่วลูกชั่วหลานเลยทีเดียว

การพิจารณา พ.ร.ก. 3 ฉบับในสภาตลอดสัปดาห์นี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับพี่น้องชาวไทย เพราะทุกบาททุกสตางค์ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กู้มา คือ ภาระหนี้สินของประชาชนทุกคนที่ต้องแบกรับ ไม่ใช่เงินที่ได้มาฟรี ๆ โดยเพื่อไทยเราเห็นความจำเป็นในการใช้เงินเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ต้องเอามาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้มีการทุจริต

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในการควบคุมดูแลให้มีการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความโปร่งใส โดยเราขอเสนอให้มีการดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ตั้งกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้ เพื่อให้รัฐบาลใช้เงินกู้ก้อนนี้อย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส
2. เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้มีกลไกการตรวจสอบจากตัวแทนประชาชน
3. เสนอให้มีการรายงานการใช้เงินกู้ต่อสภาทุก 3 เดือน

ซึ่งเราหวังว่า ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจ และบริสุทธิ์ใจ จะได้สนับสนุนข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้ง 3 ข้อเสนอ

ขอพี่น้องประชาชนช่วยกันสนับสนุนด้วยนะค่ะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนคนไทยทุกคน