'สุดารัตน์' ชี้เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน คือน้ำมันถังสุดท้าย

'สุดารัตน์' ชี้เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน คือน้ำมันถังสุดท้าย

"สุดารัตน์" ระบุเงิน1.9 ล้านล้าน คือน้ำมันถังสุดท้าย ที่จะใช้”สตาร์ทเครื่องยนต์ประเทศไทย” ย้ำใช้ให้มีประสิทธิภาพ -ไร้ทุจริต

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับความจำเป็นในการใช้เงินเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อช่วยพี่น้องประชาชน จากวิกฤตไวรัส ที่เกิดขึ้น โดยมองว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยแย่มาก่อนจะเกิดโควิด-19 เมื่อเจอเข้ากับวิกฤติCOVID-19 ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจึงสาหัสหนัก เหมือนตัวปิดฉากเศรษฐกิจไทยสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องใช้เงิน 1.9 ล้านๆอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และไร้ทุจริต

ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความห่วงใยเรื่องประสิทธิภาพการใช้เงิน เพราะได้เล็งเห็นแล้วว่า แม้แต่การเยียวยา ก็เกิดปัญหามากมาย ทั้งไม่ทั่วถึง ล่าช้า หรือส่อทุจริตหรือไม่ และเงินกู้จำนวน 1 ล้านล้านบาทไม่เห็นแผนชัดเจน โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูที่ใช้เม็ดเงินจำนวน 4แสนล้านบาท ซึ่งถูกจัดสรรไปใช้ในแผนฝึกอบรม ใช้ขุดลอกแหล่งน้ำ ซึ่งล้วนแต่เคยเกิดปัญหาการทุจริตมาแล้วทั้งสิ้น และกังวลว่างบในส่วนดังกล่าว จะเป็นงบที่ตรวจสอบยาก มีช่องทางทุจริตได้ง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หญิงหน่อย' จี้รัฐจัดงบฯตรวจโควิด-19 ฟรี ชี้ตัดสินใจเร็วเศรษฐกิจก็ฟื้นเร็ว

'หญิงหน่อย' แนะรัฐพลิกวิกฤต "โควิด-19" สร้างโครงสร้างพื้นฐาน รองรับธุรกิจในอนาคต

"เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นเสมือนน้ำมันถังสุดท้าย ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ประเทศไทย จึงต้องใช้น้ำมันถังสุดท้ายนี้ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยและต้องไร้ทุจริต เครื่องยนต์ประเทศไทยจึงจะสตาร์ทติด  เพราะขณะนี้เพดาน เงินกู้ใกล้ชน 60 เปอร์เซ็นต์ของ GDP น้ำมันถังนี้จึงเป็นน้ำมันถังใหญ่ ถังสุดท้าย ที่จะใส่รถสำหรับรีสตาร์ท ประเทศไทย ถ้าใช้น้ำมันถังนี้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีประสิทธิภาพ ใช้อย่างรั่วไหล จะฟื้นเศรษฐกิจไทยไม่ได้ และถ้าหมดนำ้มันถังนี้ หมดเงินกู้ก้อนนี้แล้ว เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น จะเอาเงินกู้ก้อนไหนมาใช้อีก เงินกู้ก้อนนี้จึงต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่าพรรคเพื่อไทย จึงมีข้อเสนอเพื่อให้การกำกับ การควบคุมการใช้เงิน 1.9.ล้านล้าน ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ตรวจสอบได้ 3ข้อ คือ1 ให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาเงินกู้ดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 2.พรรคเพื่อไทยจะยื่นพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ก. กู้เงิน 1.9ล้านล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ตรวจสอบการใช้เงิน และป้องกันการทุจริต3.ขอให้รัฐบาลรายงานการใช้เงินต่อสภาฯทุก 3 เดือน หากเกิดปัญหาจะได้แก้ไขทัน ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจ ไม่เห็นประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และอยากเห็นประเทศฟื้นเดินหน้าได้จริง ขอให้รับเงื่อนไขดังกล่าว ของพรรคฝ่ายค้านซึ่งไม่ได้เสียหาย แต่จะเป็นประโยชน์ กับรัฐบาล เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทย