ก.ตร. เคาะ 7 กองบังคับการไซเบอร์ ปรับหลักสูตรหน่วยพิเศษรับเหตุร้าย

ก.ตร. เคาะ 7 กองบังคับการไซเบอร์ ปรับหลักสูตรหน่วยพิเศษรับเหตุร้าย

ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4/2563 วานนี้ (29พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยมีผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง 

เบื้องต้น ตร.จะทำงานคู่ขนานในหลายด้าน ทั้งการแก้กฎหมาย กำหนดตำแหน่ง ประสานกระทรวงดิจิทัล ออกร่างระเบียบใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาตั้งแต่เดือนมิ.ย.- ส.ค.รวม 3 เดือน คาดว่าจะตั้งกองบัญชาการใหม่แล้วเสร็จ โดยเรื่องจะเข้า ครม.ในสิ้นเดือน พ.ค.นี้  

159076241677

โดย ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบเรื่องการแก้กฎหมาย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบเรื่องโครงสร้าง และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบเรื่องการจัดวางระบบ ด้านงบประมาณจะรับการสนับสนุนจากกระทรวงดิจิทัลฯ  ส่วนอัตรากำลังจะจัดสรรมาจากความสมัครใจ การตัดโอนตำแหน่งจากพนักงานสอบสวน และพนักงานเอาท์ซอร์ซ ส่วนสถานที่ตั้ง บช.จะใช้สถานที่ เมืองทองธานี

ขณะที่ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการนั้น มองว่าคุณสมบัติจะต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์พอสมควร ทั้งกระบวนการสืบสวนสอบสวน และมีความรู้สมัยใหม่ และก้าวทันเทคโนโลยีด้วย 

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ตร.ยังอนุมัติหลักสูตรฝึกอบรมการทำลายวัตถุระเบิด ซึ่งปรับหลักสูตรใหม่ และใช้บังคับย้อนหลังกับผู้ที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว โดยนายกฯ ได้ให้คำแนะนำจากกรณีก่อเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ควรกระจายให้มีหน่วยพิเศษลักษณะแบบนี้อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วภูมิภาค เพื่อสามารถแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ นายกฯ ยังกำชับในที่ประชุมว่า ศบค.ผ่อนปรนระยะที่ 3 ซึ่งมีมาตรการหลายอย่างที่ต้องขอความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจ ในการเข้มงวดออกตรวจตรา และกำชับ หรือให้ข้อแนะนำการปฏิบัติ ทั้งสถานที่ได้รับการผ่อนปรน เพื่อไม่ให้ละเลยส่งผลต่อการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น เช่น ในสถานประกอบการ ห้างสรรพสินค้า โดยร่วมมือกับส่วนราชการอื่นๆ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น สาธารณสุข