'ชัย' จ่อตั้งโต๊ะซื้อหุ้นกันฮุบ 'บีเอช'

'ชัย' จ่อตั้งโต๊ะซื้อหุ้นกันฮุบ 'บีเอช'

“ชัย โสภณพนิช” เผยมีแผนตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น “บีเอช” แข่งกับกลุ่ม “บีดีเอ็มเอช” ที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ ชี้หาพันธมิตรต่างชาติไว้แล้ว เล็งจ้างที่ปรึกษาทางการเงินตีราคาหุ้นระยะยาว 3-4 ปีข้างหน้า หวังเป็นข้อมูลให้ “รายย่อย” ตัดสินใจ “ขาย” หรือ “ไม่ขาย”

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH) เปิดเผยถึงความคืบกรณีบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) จะทำคำเสนอซื้อหุ้น (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หุ้น BH ว่า  เรายังคุมเกมได้อยู่ โดยไม่ต้องเข้าไปซื้อหุ้นคืน เนื่องจากตอนนี้กลุ่มโสภณพนิชมีหุ้น BH สัดส่วน 42%  หลังแปลงหุ้นกู้เป็นหุ้นราว 8%  ทำให้สัดส่วนหุ้นของกลุ่ม BDMS ที่เคยถือ  24.9% ลดลงมาเหลือ 22.9% 

ทั้งนี้ ตามกระบวนการ  BDMS จะต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น และต้องแสดงว่าจะกู้เงินจากแหล่งไหน หากซื้อหุ้นอีก 75% ต้องใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาท   ดังนั้นทาง BDMS จะต้องเตรียมเงินไว้มากกว่า 8 หมื่นล้านบาทขึ้นไป  ก็ยังไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นของ BDMS จะอนุมัติหรือไม่ 

"กลุ่มโสภณพนิช มีแนวคิดซื้อหุ้นหรือตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นแข่งขันกับทาง BDMS  ซึ่งได้พูดคุยกับพันธมิตรที่ส่วนใหญ่เป็นต่างประเทศไว้บ้างแล้ว เป็นพรรคพวกกันเข้ามาช่วย เพราะตอนนี้เราไม่สนใจที่จะขาย เราคิดว่าราคาที่เข้าเสนอมาถูกไป   ถ้าเขาให้ราคาที่ดีกว่านี้ผมอาจจะขายก็ได้ แต่ก็ต้องเป็นไปทีละขั้นตอน เราคิดว่าเรายังพอคุมเกมได้”

ขากล่าวว่า ขณะนี้กำลังจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (FA) เข้ามาตีราคาหุ้นในระยะยาว 3-4 ปีข้างหน้า ว่าหุ้นนี้ควรจะมีมูลค่าเท่าไหร่ เพื่อแจ้งให้กับผู้ถือหุ้นของเรานำไปประกอบการพิจารณา จะขายหรือจะเก็บก็แล้วแต่ผู้ถือหุ้น คาดว่า FA จะทำแล้วเสร็จเร็วๆ นี้  เช่น  ปัจจุบันเขาบอกว่าจะซื้อที่ราคา 125-150 บาท แต่ถ้า FA บอกว่า ระยะยาวราคาอาจไปถึง 200 บาทก็ได้ หากทาง BDMS ให้ราคามาที่ 150 บาท ผู้ถือหุ้นก็ต้องตัดสินใจว่าจะขายหรือไม่ ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิดราคาไม่ถึงระดับนี้แน่ เพราะโรงพยาบาลอาศัยผู้ป่วยคนไข้ต่างประเทศกว่า 50% ซึ่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมา คนไข้ลดลง

ทั้งนี้ นอกจากการซื้อหุ้นจะต้องผ่านที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ยังต้องผ่านคณะกรรมการเรื่องผูกขาด กระทรวงพาณิชย์  หากดูภาพรวมโรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด  ไม่ได้เป็นการผูกขาด แต่ถ้าพูดถึงโรงพยาบาลตลาดบน โรงพยาบาล 5 ดาว หากเขาซื้อเราไปแล้วมันก็จะไม่เหลือเลย อาจจะมีวิชัยยุทธที่อยู่ระดับเดียวกัน ถือว่าเป็นการผูกขาด

“เรารู้จักกันมานานเกือบ 40-50 ปี ก็เป็นเรื่องธุรกิจที่เข้าใจได้ เราไม่มีอะไรต้องไปคุยกับเขา และปีนี้ครบรอบ 40 ปีของ BH ซึ่งผมเกี่ยวข้องต้องแต่ซื้อที่ดิน แต่มันก็ไม่มีอะไรที่แน่นอน ต้องอาศัยเรื่องศาสนามาพูด ถ้าคนอื่นทำได้ดีกว่าก็ปล่อยให้เขาไป ถ้าเราปล่อยเราจะสบายขึ้นมาก”

เขากล่าวอีกว่า  โดยธุรกิจโดยทั่วไปมักจะมีวัฏจักร มีรอบธุรกิจที่เติบโตและตกลงไป สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่แม้จะเติบโตช้า แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีฤดู หรือปัจจัยที่ธุรกิจจะถูกกระทบ แต่ขณะนี้ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ระบาด  การเดินทางระหว่างประเทศถูกปิด คนไข้ต่างชาติเดินทางไม่ได้ เราประเมินว่า จะถูกกระทบชั่วคราวเฉพาะปีนี้ หรือไม่น่าเกิน 6 เดือน ช่วงปลายปีนี้น่าจะเริ่มกลับมาบินได้ปกติ อีกทั้ง ธุรกิจโรงพยาบาลมีคนไข้เพิ่มขึ้นทุกวัน กำไรไม่พุ่ง มันคงที่ไปได้เรื่อยๆ และมั่นใจว่าจะไปได้ต่อเนื่อง