เดือดรอบใหม่! ‘ทวิตเตอร์’ ประจาน ‘ทรัมป์’ ทวีตยกย่องความรุนแรง

เดือดรอบใหม่! ‘ทวิตเตอร์’ ประจาน ‘ทรัมป์’ ทวีตยกย่องความรุนแรง

ดูเหมือนว่าคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ให้คุมเข้มแพลตฟอร์มออนไลน์หลังถูกตรวจสอบข้อความเกี่ยวกับการเมือง จะไม่มีผลกับยักษ์ใหญ่อย่าง “ทวิตเตอร์” ล่าสุดได้ซ่อนทวีตของผู้นำสหรัฐ ฐาน “ยกย่องความรุนแรง” ซึ่งละเมิดกฎของทวิตเตอร์

ทวิตเตอร์ สังคมออนไลน์แบบไมโครบล็อกยอดนิยม ขึ้นแถบเตือนในทวีตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (28 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์ประท้วงตำรวจในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา โดยระบุว่ามีเนื้อหา “ยกย่องความรุนแรง” แต่ไม่ได้ลบทวีตนั้นออกจากแพลตฟอร์ม

ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตว่า รัฐบาลส่งกองทัพสหรัฐไปยังเมืองมินนิแอโพลิสที่กำลังโกลาหล ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเริ่มควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ หลังจากชายผิวสีไร้อาวุธคนหนึ่งเสียชีวิตขณะถูกตำรวจใช้กำลังเข้าจับกุม

“เมื่อเริ่มปล้น ก็เริ่มยิงเลย ขอบคุณ!” นายทรัมป์ทวีตชี้ช่องเจ้าหน้าที่ถึงวิธีการบังคับใช้กฎหมายที่จะใช้รับมือเหตุการณ์ในเมืองดังกล่าว

“ทวีตนี้ละเมิดข้อบังคับของทวิตเตอร์เกี่ยวกับการยกย่องความรุนแรง อย่างไรก็ตาม ทวีตนี้จะยังคงแสดงไว้เนื่องจากทวิตเตอร์ได้พิจารณาแล้วว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ” ข้อความเตือนของทวิตเตอร์ระบุ

159074401985

ความเคลื่อนไหวของแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่มีขึ้นหลังจากทำการเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทวีต 2 ครั้งของนายทรัมป์ที่โพสต์เกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์ในสัปดาห์นี้ ทำให้ผู้นำสหรัฐเดือดดาลอย่างมาก และประณามว่า ทวิตเตอร์พยายามปิดปากการแสดงความเห็นทางการเมืองของฝ่ายอนุรักษนิยม

นอกจากนี้ นายทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพฤหัสบดี เพื่อสั่งการให้คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) ดำเนินการทบทวนเนื้อหาในมาตรา 230 ของกฎหมาย “Communications Decency Act” ซึ่งเป็นกฎหมายที่ช่วยให้แพลตฟอร์มออนไลน์ ได้รับการยกเว้นจากพันธกรณีทางกฎหมายในกรณีที่ผู้ใช้งานโพสต์ข้อความต่าง ๆ ลงบนแพลตฟอร์ม

คำสั่งดังกล่าวจะให้อำนาจ FCC ในการจัดการกับเหล่าบริษัทโซเชียลมีเดียที่เผยแพร่ข่าวสารซึ่งมีเนื้อหา “หลอกลวง” และยังสามารถจัดตั้งคณะทำงานของอัยการรัฐ เพื่อทำการทบทวนกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังสั่งการให้นายวิลเลียม บาร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ติดตามความคืบหน้าในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวกับบรรดาบริษัทโซเชียลมีเดียด้วย