สทค.โอดโควิดพ่นพิษหนัก อ้อนกสทช.ขอยืดจ่ายค่าฟี6เดือน

สทค.โอดโควิดพ่นพิษหนัก อ้อนกสทช.ขอยืดจ่ายค่าฟี6เดือน

สมาคมโทรคมฯดอดพบ"ฐากร".หลังมติบอร์ดกสทช.ไฟเขียวให้เลื่อนจ่ายค่าธรรมเนียมไปได้ถึง 15 ส.ค.นี้ ระบุมาตรการยังไม่พอเพราะเอกชนบางรายโดนผลกระทบหนักหน่วง อ้อนขอเลื่อนจ่ายไปถึง 6 เดือน ให้เริ่มนับตั้งแต่ก.ค.เป็นต้นไป

นายมนต์ชัย หนูสง นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สทค.) กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึงนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า ตามที่ กสทช.ได้ชะลอการชำระค่าธรรมเนียมรายปีในส่วนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมออกไปจนถึงวันที่ 15 ส.ค.นั้น สทค. เห็นว่ามาตรการดังกล่าวสามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน จากการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการได้เพียงชั่วคราวแต่ยังไม่เพียงพอ 

เนื่องจากผู้ประกอบการต่างประสบปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาอื่น อาทิ ปัญหาหนี้เสีย ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และรายได้ลดลง เนื่องจากประชาชน ธุรกิจห้างร้าน ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมต่างขาดรายได้และกำลังซื้อ จึงขอเลื่อนชำระ ขอค้างชำระค่าบริการ ขอใช้งานฟรี หรือยกยกเลิกบริการ และไม่ซื้อบริการใหม่เพิ่มเติม

“ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องปิดร้านตามมาตรการของรัฐก็ไม่สามารถหาลูกค้าใหม่ได้ อีกทั้ง การดำเนินการเพื่อสนับสนุนภาครัฐ เช่น การให้บริการอินเตอร์เน็ตฟรี โทรฟรี ในช่วงเวิร์กฟอร์มโฮม ถึงแม้จะส่งผลให้ปริมาณทราฟฟิกเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ เนื่องจาก ค่าบริการไม่ได้ขึ้นตามปริมาณทราฟฟิก แต่กลับทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากการดูแลรักษาโครงข่ายโทรคมนาคมให้ประชาชนที่ทำงานจากบ้าน ได้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา”

เขา เสริมว่า สทค.ขอให้กสทช.พิจารณาและออกมาตรการเพิ่มเติม ได้แก่ 1.พิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมที่ผู้ประกอบการต้องชำระเป็นคราวๆ ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมเลขหมาย ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตั้งสถานีฐานวิทยุคมนาคม ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนนับตั้งแต่ก.ค.เป็นต้นไป

2.พิจารณาปรับลดค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระเป็นรายปี ซึ่งประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม และเงินจัดสรรรายได้เข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (ค่าธรรมเนียมยูโซ่)

และ 3.พิจารณาประสานงานการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าภูมิภาค เพื่อขอชะลอการจัดระเบียบสายสื่อสาร เพื่อไม่สร้างภาระให้ผู้ประกอบการจนเกินควร และขอให้พิจารณาปรับปรุงประกาศ กสทช. ต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจในช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อได้ ซึ่ง สทค. จะรวบรวมความเห็นจากผู้ประกอบการและนำเรียนต่อ กสทช. เพื่อพิจารณาในโอกาสต่อไป

ด้านนายฐากร กล่าวว่า สำนักงานกสทช.จะรวบรวมข้อเรียกร้องเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงานของกสทช. ด้านโทรคมนาคม และนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ตามที่ สทค. เสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มเติมในข้อ 1 และข้อ 2 นั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกสทช. โดยตรง ซึ่งต้องมีการพิจารณาเรื่องรายได้ของกสทช. ประกอบด้วย โดยต้องมีเหตุมีผลพอสมควร เพราะหากมีการพิจารณาให้ยกเว้น หรือปรับลดค่าธรรมเนียมแล้วไม่สอดคล้องกับรายจ่ายของ กสทช. อาจทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้

ทั้งนี้ รายจ่ายของ กสทช. ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย รายจ่ายของสำนักงาน กสทช. ซึ่งอยู่ที่ 4,000 ล้านบาทต่อปี, เงินที่ต้องจัดสรรเข้ากองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) และเงินที่ส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน

ส่วนข้อ 3 เกี่ยวกับการจัดระเบียบสายสื่อสาร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ผู้ประกอบการมองว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ยากลำบากอยู่แล้ว ดังนั้น จึงต้องมีการพิจารณาเพื่อหาจุดสมดุลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและสามารถทำงานตามนโยบายของรัฐไม่ให้เสียหาย