ทรัมป์ ตอบโต้จีน

ทรัมป์ ตอบโต้จีน

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวลดลงกว่า 7.6 จุด โดยตลอดช่วงการซื้อขาย  ดัชนีแกว่งผันผวนในแดนบวกสลับลบ อ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค

คาดเป็นผลจากแรงขายทำกำไรหลังจากปรับตัวขึ้นมามาก ประกอบกับแรงขายจากการปรับหุ้นเข้า-ออก MSCI คิดเป็นมูลค่า -1,100 ลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,337.51 จุด (+9.02 จุด) Volume 8.6 หมื่นลบ. ต่างชาติ -763.13 ลบ. TFEX Net -1,069 สัญญา ตราสารหนี้ -1,601 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 147.63 จุด -0.58% หลังจากปธน.ทรัมป์เผยว่าจะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนเนื่องจากไม่พอใจที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง และกลุ่มโซเชียลมีเดียถูกกดดันจากปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งทบทวนกฎหมายคุ้มครองบริษัทโซเชียลมีเดีย

-เช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 200 จุด หวั่น"ทรัมป์"ออกนโยบายตอบโต้จีนใช้กม.คุมฮ่องกง

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 90 เซนต์ +2.7% ปิดที่ 33.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลงแม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย

-MSCI rebalance ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจาก 2.39% เหลือ 2.36% มีผลวันนี้

- สหรัฐรายงาน GDP Q1/63 หดตัว 5% แย่กว่าคาดว่าจะหดตัว 4.8% คาด Q2 ทรุด 40% คาด GDP ปี 62 ขยายตัว 2.3% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี

-สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนดิ่งลงในเดือนเม.ย.จากพิษโควิด

-สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายดิ่งลงจากผลกระทบโควิด

-ดัชนีความเชื่อ SME เดือนเม.ย.ลดลงต่อเนื่อง ชี้คาดการณ์ 3 เดือนปรับตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน

- ราคาทองปรับขึ้นจากความกังวลความตึงเครียดสหรัฐและจีน

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 9.42 จุด +0.33% เช้านี้เปิดลบ 10.64 จุด

+ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 497.08 จุด +2.32% เช้านี้เปิด -108.68 จุด

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.99 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.87 บาท/US

*จับตาศบค.ประชุมหารือปลดล็อกเฟส 3 ส่วนสหรัฐเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศนโยบายฉบับใหม่กับจีนในวันนี้ เพื่อตอบโต้ที่จีนมีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,325-1,345 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

PRM – Analyst Meeting (Bloomberg Consensus 8.92 บาท)

รายงานกำไร 1Q63 เท่ากับ 295.6 ลบ. +23%YoY +2.1%QoQ โดยมีรายได้เท่ากับ 1,505.5 ลบ. +26.7%YoY +0.3%QoQ เป็นผลจากการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเรือ Floating Storage Unit (FSU) ซึ่งมีรายได้ 715.4 ลบ. +112.3%YoY +8.1%QoQ (สัดส่วน  47.5% ของรายได้รวม) เติบโตจากการขยายกองเรือเพิ่มขึ้น 3 ลำจากปีที่ผ่านมารวมเป็น 8 ลำในปีนี้ ด้วย U.rate 100% ประกอบกับมีการปรับค่าบริการเรือ 1 ลำ เพิ่มขึ้น 40% ส่วนกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งในประเทศมีรายได้ 593.2 ลบ. +8.1%YoY +2.2%QoQ (สัดส่วน 39.4%) เติบโตจากการขยายกองเรือเพิ่มขึ้น 3 ลำจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 33.3% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 29% แต่หดตัวจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 35.5% เนื่องจากกลุ่มธุรกิจเรือ Offshore มีจำนวนวันให้บริการลดลง ประกอบกับมีเรือ 1 ลำ จาก 3 ลำ หยุดให้บริการเพื่อซ่อมบำรุง (Drydocking)

แนวโน้ม 2Q63 คาดยังเติบโตต่อเนื่องจากกลุ่มธุรกิจเรือ FSU (คิดเป็นสัดส่วนรายได้เกือบ 50%) ซึ่งในไตรมาสนี้จะมีเรือ 5 ลำ ปรับค่าบริการเรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25% อย่างไรก็ดี คาดกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันภายในประเทศจะถูกดันจากสถานการณ์ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ผบห.คาดปริมาณการใช้น้ำมันภายในประเทศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วง 2H63 ขณะที่แผนเพิ่มกองเรืออีก 5 ลำ ยังคงเป็นไปตามแผน คาดจะเห็นความคืบหน้าในช่วง 2H63 เช่นกัน

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน 2Q63 และช่วง 2H63 จากการทยอยปรับเพิ่มค่าบริการเรือ FSU ประกอบกับกลุ่มเรือขนส่งน้ำมันภายในประเทศที่จะฟื้นตัวในช่วง 2H63 โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรทั้งปี 63 ราว 1,315 ลบ. +28.5%YoY

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่จะเข้าคำนวณ MSCI Global Standard (AWC BAM KTC) มีผล 29 พ.ค. 
  • หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี (WICE TASCO CPF)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย (BAM MTC SAWAD SINGER)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หากรัฐออกแพคเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA)

หุ้นมีข่าว   

MGT (“ซื้อราคาเหมาะสม 2.66 บาท)  งวด 1Q20 บริษัทรายได้จากการดำเนินงาน 194.7 ล้านบาท เติบโต +21.9%QoQ และ +4.8%YoY ได้ผลบวกจากบริษัทย่อย Megachem Plus ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีการนำแอลกอฮอล์แปลงสภาพไปใช้ผลิตเจลล้างมือ และผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทำได้ที่ระดับ 33.8% ดีขึ้นกว่าที่ระดับ 33.0% ในไตรมาสก่อน และ 28.8% ใน 1Q19 ตามต้นทุนนำเข้าสารเคมีที่ต่ำลง ส่งผลให้รายงานกำไรสุทธิงวด 1Q20 เท่ากับ 24.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +21.0%QoQ และ +27.0%YoY

ผลประกอบการ 2Q20 มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้าชะลอคำสั้งซื้อ โดยเฉพาะ ลูกค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์และ อุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยบริษัทได้เตรียมทบทวนเป้ารายได้ปี 20 จากเดิมคาดมีรายได้ 950 ล้านบาท หลังสิ้นสุดไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการรายได้ปี 20 ไว้ที่ระดับ 783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +16.9%YoY และคงประมาณการกำไรสุทธิปี 20 เท่ากับ 75.6 ล้านบาท เติบโต +5.7%YoY โดยผลประกอบการ 1Q20 คิดเป็น 32.9% ของประมาณการทั้งปีของเรา

(+) GUNKUL (Bloomberg Consensus 3.57 บาท) ย้ำเป้าปี 65 ดันกำลังผลิตพุ่ง 1,000 เมกะวัตต์ เล็งเข้าซื้อโซลาร์ฟาร์มเวียดนามเพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ พร้อมส่งสัญญาณครึ่งปีหลังงานไหลเข้าทะลัก! เตรียมประมูลโครงการใหม่เพิ่มกว่า 1 หมื่นล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้โต 25% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) PTG (Bloomberg Consensus 14.83 บาท)   ปรับลดงบลงทุนปีนี้เหลือ 2.5 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 5 พันล้านบาท หลังชะลอลงทุนบางโครงการออกไป แต่หากดีมานด์น้ำมันกลับสู่ภาวะปกติพร้อมทบทวนใหม่ มั่นใจอีบิทด้าปีนี้โต 10-12% และคาดยอดขายน้ำมันพุ่ง 10-12% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) วันนี้จับตากองทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นเข้าคำนวณ MSCI ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านเหรียญฯ หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท เป้าหมาย BAM เม็ดเงินมากสุด 58 ล้านเหรียญฯ รองลงมา AWC และ KTC พร้อมเพิ่มเม็ดเงินลงทุน BTS, MTC, RATCH ประมาณ 5-11 ล้านเหรียญฯ ต่อบริษัท แนะเลี่ยงหุ้นกลุ่มหลุดดัชนีเอ็มเอสซีไอไปก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BAFS (Bloomberg Consensus 31.00 บาท) คาดครึ่งปีหลังผลงานฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์เฟส 3 ชี้การเติมน้ำมันอากาศยาน-ทางบกดีขึ้น โชว์ธุรกิจหลากหลายกระจายความเสี่ยง เร่งปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าขนาด 20 MW พร้อมมั่นใจ THAI ไม่ขายหุ้นที่ถือ 22.59% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SIRI (Bloomberg Consensus 0.68 บาท)   ตั้งเป้าโกยยอดขายแนวราบปีนี้ แตะ 1.74 หมื่นล้านบาท หวังขึ้นแท่นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และเป็น Top 3 ตลาดทาวน์โฮมภายในระยะเวลา 3 ปี ชู แนวคิด SANSIRI MADE FOR LIFE MADE FOR WELL-BEING กระตุ้นยอด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DEMCO (Bloomberg Consensus 4.91 บาท) ตัวเต็งซิวงาน กฟภ.หลัง ครม.ไฟเขียว โครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 กฟภ.วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท มั่นใจรายได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน จ่อรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าปีละ 150-160 ล้านบาท ปักธงลุยโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน มั่นใจพลังงานเดินหน้าตามแผน ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ZIGA (Bloomberg Consensus - บาท)  มือขึ้นโกยออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ทะลุเป้ากว่า 100 ล้านบาท ลุ้นยอดขายปีนี้มากกว่า 800 ล้านบาท ส่งสัญญาณผลงานครึ่งปีแรกแจ่ม ส่วนแผนซื้อหุ้นคืน แย้มที่ผ่านมาดอดเก็บหุ้นแล้ว 10 ล้านหุ้น ใช้เงินราว 10 ล้านบาท ยังเหลือวงเงินอีก 20 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)