'สาทิตย์' หวั่นฮั้วประมูลทุจริตเงินกู้ 5 พันล้านบาท

'สาทิตย์' หวั่นฮั้วประมูลทุจริตเงินกู้ 5 พันล้านบาท

"สาทิตย์" หวั่นจังหวัดฮั้วประมูลผู้รับเหมาทุจริตเงินกู้ 5 พันล้าน ย้ำ ต้องตั้ง กมธ.กลั่นกรองให้ภาคประชาชนตรวจสอบการทุจริต

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 63 การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดเกี่ยวกับการกู้เงิน 3 ฉบับ วันที่ 3 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า พระราชกำหนดที่ออกมานั้นจะประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.ต้องสัมพันธ์กับการผ่อนคลายมาตรการด้วย และ 2.พระราชกำหนดต้องให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทันที คือ การเกิดขึ้นของโครงการตามพระราชกำหนด ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญ 

นายสาทิตย์ กล่าวว่า โดยการดำเนินโคงการตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 เขียนไว้ในลักษณะกว้างๆ โดยไม่ได้ระบุวงเงินของแต่ละโครงการ สะท้อนให้เห็นว่ายังไม่มีการเตรียมการใช่หรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้จะเป็นอำนาจของแต่ละจังหวัดจะดำเนินการเสนอโครงการเข้ามา ซึ่งมีความเป็นห่วงว่าจะเป็นลักษณะฮั้วกับผู้รับเหมา หรือเอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่นใหม่ เงิน 4 แสนล้านบาท เมื่อเฉลี่ยทุกจังหวัดแล้วจะคิดเป็นจังหวัดละประมาณ 5 พันกว่าล้านบาท เป็นเงินมหาศาลยิ่งกว่างบประมาณปกติ

"ทุกโครงการต้องก่อให้เกิดรายได้ และคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการต้องเอาภาคประชาชนที่ตรวจสอบการทุจริตเข้ามาด้วย ที่สำคัญต้องจัดทำเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ข้อมูล และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยเมื่อรัฐบาลดำเนินโครงการใดแล้วจะต้องนำมาลงในเว็บไซต์ และส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญช่วยตรวจสอบการใช้เงินตามกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ แม้ในพระราชกำหนดจะบัญญัติให้รัฐบาลต้องเสนอต่อสภาช่วงสิ้นปีงบประมาณ แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะเงินจำนวนนี้เป็นเงินมหาศาล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้เงินแบบไม่เกิดประโยชน์ พระราชกำหนดเกี่ยวพันกับชีวิตคนและหนี้สินของคนทั้งหมด ดังนั้น การพิจารณาที่รอบคอบจะต้องมีพร้อมไปกับการติดตามตรวจสอบด้วย" นายสาทิตย์ กล่าว