'กองทุน' กำเงินสดลุยซื้อหุ้นไทย ลุ้นดัชนีสิ้นปีแตะ 1,450 จุด

'กองทุน' กำเงินสดลุยซื้อหุ้นไทย ลุ้นดัชนีสิ้นปีแตะ 1,450 จุด

“กองทุน” ทยอยซื้อหุ้น หลังกำเงินสดแน่นในช่วงที่ผ่านมา ประเมินภาพตลาดหุ้นไทยทยอยดีขึ้น มั่นใจสิ้นปีดัชนีแตะ 1,350-1,450 จุด พร้อมฟันธงปีหน้าดีกว่าปีนี้ ด้าน “กรุงเทพประกันภัย” ตุนเงินสด รอดัชนีพักฐานแถว 1,200 จุด

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ยังคงติดลบอยู่กว่า 10% นับแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่หลังจากก้าวเข้าสู่ไตรมาส 2 ปี 2563 จะเห็นว่าภาพรวมตลาดเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง ดัชนี SET ปรับขึ้นเกือบ 20% กลับมายืนเหนือ 1,300 จุด อีกครั้ง และเมื่อพิจารณาในรายละเอียดของกลุ่มนักลงทุนจะเห็นว่าผู้ที่ขายสุทธิยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติ โดยภาพรวมขายออกไปเฉียด 2 แสนล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อย และสถาบัน เข้ามาซื้อ 1.33 แสนล้านบาท และ 6.83 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ จะเห็นว่าในช่วงที่ดัชนีเริ่มฟื้นตัว ดูเหมือนจะเป็นแรงหนุนจากการทยอยซื้อกลับจนทำให้มีสถานะซื้อสุทธิตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

“มนรัฐ ผดุงสิทธิ์” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund ระบุว่า สาเหตุที่กองทุนทยอยเข้าซื้อหุ้นไทยค่อนข้างมากในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเพราะก่อนหน้านี้ “ถือเงินสด” เพื่อเป็นสภาพคล่องไว้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.ส่วนใหญ่จะถือเงินสดกันในสัดส่วน 10-15% ของพอร์ตลงทุน เพิ่มขึ้นจากปกติที่มักจะถือเพียง 5% 

เขาบอกด้วยว่าถ้ามองระยะยาวสถานการณ์ในขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายมากขึ้น หลังการคลายล็อกดาวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ดังนั้นภาพเศรษฐกิจจึงมีลักษณะทยอยฟื้นตัว 

ทั้งนี้จากการประเมินราคาหุ้นปีหน้าคาดว่าจะดีกว่าปีนี้ โดยดัชนีหุ้นไทยปีหน้ามีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,550 จุด ส่วนปีนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,450 จุด 

“เราก็ทยอยเข้าลงทุนหุ้นไทยมาต่อเนื่อง รวมถึงนักลงทุนรายย่อยเอง ตอนนี้เริ่มมีบทบาทกลับเข้ามาลงทุนหุ้นมากขึ้นทั้งลงทุนโดยตรงและผ่านกองทุน ทำให้มีเงินทยอยไหลเข้ามา”

อย่างไรก็ตามการเข้าลงทุนในหุ้นไทย ยังต้องระมัดระวัง โดยยังมีความกังวลว่า เมื่อเปิดประเทศ แล้วการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะกลับมาอีกระลอกหรือไม่ หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นไปอีกหลัก 100 คน หรือรุนแรงกว่าระลอกแรก อาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยลงมาต่ำกว่าระดับ1,200 จุดได้

“สมชัย อมรธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย ประเมินว่า การเข้าซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนสถาบันในช่วงนี้มาจากหลายปัจจัย เช่น ก่อนหน้านี้ถือเงินสดไว้มาก เมื่อมีจังหวะก็ทยอยเข้าซื้อ หรือลูกค้าของกองทุนอาจจะเข้ามาซื้อเพิ่มในกองทุนหุ้นด้วย รวมถึงสถาบันรายใหญ่อย่างประกันสังคม หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) อาจมีการโยกเม็ดเงินเข้าหุ้นไทย

ขณะนี้มีปัจจัยบวกหนุนตลาดหุ้นไทยทั้งมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และความเสี่ยงโควิด-19ที่ยังคุมได้ดี รวมถึงมีข่าวดีเรื่องการพัฒนาวัคซีน อีกทั้งที่สำคัญคือธนาคารกลางหลายประเทศช่วยดันอีดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ และรัฐบาลมีมาตรการออกช่วยเหลือธุรกิจและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้

ทั้งนี้เรามีมุมมองดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ 1,350จุด โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงต้องจับตาจากการระบาดของโควิด-19ระลอกสองและการพัฒนาวัคซีนจะสำเร็จเมื่อไร และปัจจัยบวกที่กล่าวมาจะแรงกระตุ้นหมดแรงกระตุ้นเมื่อไร

“ชัย โสภณพนิช” ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ระบุว่า บริษัทคาดการณ์แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยใน 2-3 เดือนข้างหน้า มีโอกาสปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1,200 จุด แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มดีขึ้น แต่อาจมีปัญหาความไม่แน่นอนจากการเมืองภายในประเทศแทนทำให้ธุรกิจการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะจากต่างประเทศขาดความมั่นใจ 

อย่างไรก็ตามเรายังคาดหวังว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ยังมีโอกาสขึ้นมาเท่าๆ กับตอนนี้ ที่ระดับ 1,340 จุด ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าระดับปีที่แล้วที่อยู่ราว 1,500 จุดและยังต้องรออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า ดัชนีตลาดหุ้นไทยคงจะกลับมาขึ้นมาที่ระดับ 1,900 จุดได้

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ นายชัย กล่าวด้วยว่า บริษัทเตรียมเงินเข้าซื้อหุ้น 200-300 ล้านบาท หาจังหวะเข้าไปหาซื้อหุ้นที่มีโอกาสเติบโต และได้รับผลกระทบน้อยสุด คือ กลุ่มอาหาร รวมถึงกลุ่มพลังงานราคาน้ำน่าจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นได้