“อิปซอสส์”ชี้คนไทยรอเดินทาง โอกาสฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวหลังโควิด

“อิปซอสส์”ชี้คนไทยรอเดินทาง โอกาสฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวหลังโควิด

แม้ "ตัดผม" จะเป็นสิ่งที่คนไทยเรียกร้องหลังปลดล็อกดาวน์ แต่การเดินทาง "ท่องเที่ยว" คืออีกสิ่งที่ผู้บริโภคโหยหา โดยเฉพาะกลุ่มมีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป พร้อมเปย์ เป็นสัญญาณบวกธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัวได้หลังโรคโควิดคลี่คลาย

นับตั้งแต่โรคโควิด19 ระบาดหนักในประเทศไทย จนทำให้รัฐต้องออกมาตรการ “ล็อกดาวน์ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่ากลุ่มที่ สายป่านสั้น เมื่อไม่มียอดขาย รายได้ กระแสเงินสดไม่เข้ามา การขาดสภาพคล่อง สต็อกบวม ทำให้หลายธุรกิจต้องปิดกิจการ

ส่วนมิติของผู้บริโภค คนจำนวนมากต้องอยู่บ้าน ทำงานจากที่บ้านเป็นเวลาร่วม 2-3 เดือน ซึ่งจำนวนไม่น้อยมีอาการเบื่อ และเรียกร้องการทำกิจกรรมนอกบ้าน เห็นได้จากการ ปลดล็อกดาวน์” ในระยะที่ 2 ห้างร้าน ร้านอาหารเปิดให้บริการ เห็นผู้คนจำนวนมากแห่เข้าคิว เพื่อไปช้อป ชิม ชิลล์ที่ศูนย์การค้าต่างๆ แต่ตราบใดที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดยังมีมากน้อยสลับกันแต่ละวัน การ์ดห้ามตก เด็ดขาด! เพราะหากเกิดการระบาดระลอกใหม่ อาจเห็นการล็อกดาวน์ซ้ำ กระทบธุรกิจและวิถีชีวิตผู้บริโภคอีกรอบ

159061000866

อิษณาติ    วุฒิธนากุล 

ทั้งนี้ตามผลวิจัยการตลาดเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค ล่าสุด อิษณาติ    วุฒิธนากุล ผู้อำนวยการอาวุโสองค์กรลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท อิปซอสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด หยิบผลสำรวจผ่านออนไลน์ผ่านเครือข่าย “GlobalAdvisor” จากกลุ่มตัวอย่างคนไทยกว่า 1,000 คน อายุระหว่าง 18-74 ปี ระหว่างวันที่ 14-18 .. 2563 เกี่ยวกับความต้องการทำกิจกรรมต่างๆหลังโควิดมีประเด็นน่าสนใจดังนี้

1.คนไทยต้องการไปร้านตัดผมมากที่สุด ภาพรวมจากสถิติทั่วประเทศ พบว่าคนไทยต้องการไปใช้บริการร้านตัดผมมากสุด 21%  เห็นได้จากการกระแสบนโลกออนไลน์ที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากบ่นเรื่องผมยาวโดยเฉพาะผู้ชาย และต้องการตัดผมสูงสุด สอดคล้องกับข้อมูลของแบรนด์สินค้าความงามระดับโลก ที่ชี้พฤติกรรมผู้บริโภคขาดความมั่นใจเมื่อทรงผมไม่ได้รับการดูแล นอกจากนี้ เจาะลึกความต้องการของผู้หญิง จะพบว่าโหยหาการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดและเมืองนอกมากสุด 21% ตามด้วยการเดินเล่นและชอปปิงที่ห้างสินค้า 15%

แม้ผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับการดูแลเส้นผมมากกว่าผู้ชาย แต่การสำรวจกลับพบว่าผู้ชายไทยต้องการไปตัดผมหลังการปลดล็อกดาวน์ ขณะที่ผู้หญิงต้องการไปร้านตัดผมเป็นกิจกรรมที่จะทำอันดับสองรองจากท่องเที่ยว

ส่วนภาพรวมกิจกรรมที่คนไทยต้องการทำเป็นอันดับ 2 คือการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ คิดเป็น 19% อันดับ 3 ต้องการไปรับประทานอาหารนอกบ้าน 15% อันดับ 4 ออกไปเดินเล่น ชอปปิงในศูนย์การค้า 13% และอันดับ 5 คือการกลับไปเรียน และทำงานที่สำนักงาน(ออฟฟิศ) 8% ส่วนกิจกรรมที่ต้องการทำหลังสุดคือไปใช้บริการคลินิคเสริมความงาม 3%

2.คนรวยเที่ยวได้ คนชนชั้นกลางต้องทำงาน หากเจาะลึกประชาชน 1 ใน 4 มีความต้องการเที่ยวทั้งในและต่างประเทศหลังโควิดคลี่คลาย จะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ต่อครัวเรือนสูงกว่า 50,000 บาทขึ้นไป อยากเดินทางมากสุด ขณะที่ชนชั้นกลางหรือครัวเรือนที่มีรายได้น้อยให้ความสำคัญกับการเรียนการทำงานสูงสุด และกลับไปทำงานให้เร็วที่สุดด้วย

159060988221

ความต้องการดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจการท่องเที่ยวจะมีโอกาสฟื้นตัวสูง หลังการปลดล็อกดาวน์ และกลุ่มที่จะท่องเที่ยวเป็นละดับแรก ยังเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ รายได้ต่อครัวเรือนสูงด้วย

3.วัยรุ่นไทยอยากเรียน ทำงาน ดูหนัง และเที่ยวสถานบันเทิง (WorkHard,PlayHard ) อิษณาติ ยังแจกแจงผลสำรวจกลุ่มวัยรุ่นอายุ 18-24 ปี มีความต้องการกลับไปเรียนหนังสือ และทำงานสูงกว่าในทุกๆกลุ่มช่วงอายุ โดย 17% ต้องการกลับไปเรียนเป็นอันดับแรกหลังปลดล็อกดาวน์ ขณะเดียวกัน 5% ของกลุ่มวัยรุ่นต้องการกลับไปใช้บริการโรงภาพยนตร์ ดูหนัง และท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงยามค่ำคืนมากกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่นๆด้วย หลังจากที่ผ่านมาผับ บาร์ สถานบันเทิงต้องปิดให้บริการจนถึงปัจจุบัน

เมื่อกลุ่มวัยรุ่นไทยเน้นทำงานหนักจริงจังกับเรื่องเล่นหรือ Work Hard, Play Hard แต่กลุ่มอายุ 25-44 ปี หรือกลุ่มวัยกลางคนมีความต้องการสวนทาง โดยให้น้ำหนักกับการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศสูงสุด

ประมาณ 1 ใน 5 ของกลุ่มวัยกลางคนจะไปเที่ยวเป็นอันดับแรกที่มีการปลดล็อกดาวน์ ส่วนกลุ่มอื่น เช่น คนสูงวัย หรืออายุเฉลี่ย 45 ปีขึ้นไปให้ความสำคัญกับการไปยังศาสนาสถาน 6% ออกกำลังกาย 9% เดินเล่นผ่อนคลาย ชอปปิงสูงกว่ากลุ่มอื่นๆอย่างชัดเจน

สำหรับความต้องการของผู้บริโภคข้างต้น เป็นกุญแจที่ทำให้ภาคธุรกิจ นักการตลาดสามารถวางแผน และกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการเดินทางท่องเที่ยว การออกไปใช้ชีวิต ทำกิจกรรมนอกบ้านของกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของธุรกิจได้ด้วย