'บลูบิค' แนะธุรกิจใช้ ’คลาวด์’ บริหารต้นทุนไอทีช่วงวิกฤติ

'บลูบิค' แนะธุรกิจใช้ ’คลาวด์’ บริหารต้นทุนไอทีช่วงวิกฤติ

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก ผลักดันให้องค์กรต่างค้นหาแนวทางในการปรับกลยุทธ์และวิธีการทำงานแบบใหม่เพื่อเป็นผู้อยู่รอด

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (Bluebik Group) ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เปิดมุมมองว่า ธุรกิจส่วนใหญ่จะเน้นนโยบายในการดูแลต้นทุนและลดค่าใช้จ่าย ซึ่งโดยปกติจะมีรายจ่ายในการใช้เงินลงทุนครั้งใหญ่ (Big investment) ที่ยังไม่สร้างผลกำไรในปัจจุบัน (Sunk cost) หรือเป็นต้นทุนคงที่ (Fixed cost) ที่ไม่สามารถปรับลดลงได้

ดังนั้น “Fixed cost” จึงเป็นประเด็นหลักที่อาจทำให้บริษัทขาดสภาพคล่อง ซึ่งสถานะทางการเงินถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ใช้หล่อเลี้ยงธุรกิจ พร้อมทั้งเป็นตัวชี้ชะตาว่าบริษัทจะอยู่รอดหรือเสี่ยงที่จะล้มในวิกฤตินี้ โดยผิดกับต้นทุนแปรผันตามรายได้ (Variable cost) ที่หากไม่มีรายได้ก็จะไม่มีรายจ่ายเกิดขึ้น

“ตามปกติธุรกิจขนาดใหญ่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ซึ่งหลักๆ เป็นค่าใช้จ่ายแบบที่ต้องลงทุนจำนวนมาก หรือหากเลือกจ่ายเป็นรายเดือนก็ต้องดำเนินการแบบผ่อนชำระ นั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายได้ถูกแปลงเป็นต้นทุนอยู่ดี”

ปัจจุบัน เมื่อองค์กรได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์โควิด-19 ทำให้ระบบไอทีที่ลงทุนไปอาจไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ จึงทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ สิ่งที่ภาคธุรกิจควรทำคือ แปลงค่าใช้จ่ายด้านระบบไอทีให้เป็น “Variable cost” ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจและสามารถอยู่รอดได้

ชู ‘เทคโนโลยี’ ช่วยลดต้นทุน

เขากล่าวว่า องค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีในภาวะวิกฤติได้ ด้วยการใช้ประโยชน์จาก “คลาวด์ คอมพิวติ้ง” โดยนำความสามารถของเทคโนโลยีมาใช้ในการเก็บข้อมูลและประมวลผลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการใช้เซิร์ฟเวอร์แบบเดิมและสามารถคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง

“ช่วงวิกฤติเช่นนี้นับเป็นจังหวะและจุดเริ่มต้นที่ดีของภาคธุรกิจที่จะเริ่มมาใช้คลาวด์เพื่อลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเป็นของตนเอง (On-Premise) อีกทั้งช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลรักษาระบบ ประหยัดเวลาและยังมีความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่าย”

ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้คลาวด์มีด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ 1.การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและระบบจัดเก็บข้อมูล หรือทำหน้าที่แทน เซิร์ฟเวอร์ (Infrastructure-as-a-Service) 2.การให้บริการด้านแพลตฟอร์มสำหรับซอฟต์แวร์ (Platform as a Service) เช่น เว็บแอพพลิเคชั่น, ระบบประมวลผลกลางขององค์กรขนาดใหญ่ (Database Server) หรือระบบเอพีไอซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยสูง

ขณะที่ 3.การให้บริการซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชัน (Software as a Service) ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการตามลักษณะการใช้งาน (Pay-as-you-go) เช่น จำนวนผู้ใช้ ปริมาณที่ใช้ ระยะเวลาที่ใช้

159060020556

ฝ่ายธุรกิจ-ไอทีต้องร่วมมือ

สำหรับประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีในสภาวะวิกฤติเช่นนี้มีอยู่หลายข้อ เช่น 1.Cost Efficiency บริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการลงทุนซื้อเซิร์ฟเวอร์แบบเดิม ที่ปกติช่วงเริ่มต้นการใช้งานมีคนใช้บริการน้อย ทำให้ไม่เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) แต่ระบบคลาวด์จะมีค่าใช้จ่ายตามจำนวนที่ใช้งานจริง

2.Shorten time to market เปิดโอกาสในการเข้าถึงตลาดได้เร็ว รวมทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบเอง เพราะธุรกิจบางประเภทที่จำเป็นต้องมีแอพพลิเคชั่น แต่ช่วงเกิดโควิด-19 หากต้องมาพัฒนาเอง อาจทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันไม่ทันคู่แข่ง หรือทำให้เสียโอกาสในการทำธุรกิจไป

3. Anywhere – Anytime เพิ่มสะดวกต่อการทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา เนื่องจากระบบจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็สามารถทำงานได้

4. Flexibility คลาวด์ช่วยทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นขึ้น เพราะสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น ช่วงที่ต้องการขยายธุรกิจให้เติบโตเร็ว เมื่อเห็นโอกาสทองการทำรายได้ หรือแม้แต่ลดขนาดลง

อย่างไรก็ดี อาจไม่สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจแต่ละประเภทมีความแตกต่างและมีลักษณะเฉพาะ ฉะนั้นผู้บริหารสูงสุดและผู้บริหารด้านเทคโนโลยี จำเป็นต้องทำงานควบคู่กันเพื่อวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียในเชิงเศรษฐศาสตร์ว่า เทคโนโลยีคลาวด์จะสามารถเข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้สูงสุดอย่างไร 

“ที่สำคัญต้องทำให้เกิดความร่วมมือทั้งจากฝ่ายธุรกิจและไอทีเพื่อออกแบบโครงการสร้างและสัดส่วนการใช้งานให้ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด รวมทั้งต้องผลักดันให้พนักงานทั้งองค์กรเข้าใจวิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนขององค์กรในทิศทางเดียวกัน ว่าคลาวด์คือตัวแปรสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้”

โดยมี 3 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ใช้คลาวด์ในองค์กรได้สำเร็จคือ ประเมินขีดความสามารถด้านไอทีขององค์กร (Understand your IT capabilities), เลือกกลยุทธ์และวางแผนการ Migration ให้เหมาะกับองค์กร (Develop migration roadmap) พร้อมด้วยประยุกต์แนวคิดการทำงานแบบ Agile (Adapt agile to organization)