Selective Buy

Selective Buy

ระวังความผันผวนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีนที่เพิ่มขึ้นในประเด็นจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่เพื่อควบคุมฮ่องกง

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือนปิดที่ 1,336 จุด (+15.11 จุด) หรือ +1.14% ด้วย Volume ซื้อขาย 7.4 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นต่างประเทศตอบรับข่าวบริษัท Novavax ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐเริ่มทดลองวัคซีนต้านไวรัส Covid-19 เฟสแรกในคนแล้ว ส่วนในประเทศมีปัจจัยบวกจากข่าวภาครัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,268 ล้านบาท, ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,312 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX SET50  2,326 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,345 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตาม Sentiment เชิงบวกความคาดหวังภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นหลังหลายประเทศประกาศผ่อนปรน Lockdown รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆเพื่อรองรับผลกระทบไวรัส Covid-19 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์ Demand ที่ฟื้นตัวซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยบวกภายในจากความคาดหวังการผ่อนปรน Lockdown เฟส 3 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามควรระวังความผันผวนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีนที่เพิ่มขึ้นในประเด็นจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่เพื่อควบคุมฮ่องกง รวมถึง Valuation SET ที่ตึงตัวซึ่งจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลงได้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT PTTEP TOP PTTGC IRPC SPRC ) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น
  • กลุ่มโรงแรมและขนส่ง (MINT CENTEL ERW AOT) ความคาดหวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังคลาย Lockdown
  • MAJOR SPA  ได้ sentiment บวกหากศบค.ผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 วันที่ 1 มิ.ย.
  • กลุ่มหุ้นที่ได้เข้าคำนวณ MSCI Thailand Index รอบใหม่ AWC  BAM  KTC  มีผล 29 พ.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้

  • CPALL (ปิด 69.75 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 80) CPALL เป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการเยียวและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเนื่องจากมีสาขากระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศ นอกจากนี้ราคาหุ้น CPALL ยัง laggard จากหุ้นค้าปลีกอื่นๆในช่วงที่ผ่าน
  • KTC (ปิด 38 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 45) ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาวะดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้ KTC ยังมีปัจจัยบวกจากที่ภาครัฐอนุญาติให้ห้างฯและศูนย์การค้ากลับมาเปิดดำเนินการคาดหนุนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเร่งตัวขึ้น ขณะเดียวกันยังมีแรงซื้อหนุนจากที่ KTC ได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ 29 พ.ค. 

บทวิเคราะห์วันนี้

BANPU (ปิด 7.3 ถือ/เป้า 7.9), PLANB (ปิด 6.0 ซื้อ/เป้าใหม่ 7.8 จาก 8.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์บวกแรง 530 จุด หลังเห็นความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกัน Covid-w19 และตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ทยอยฟื้นตัว : ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 530 จุด (+2.17%) ปิดที่ระดับ 24,995 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความคาดหวังในทางบวกหลังจากที่บริษัทผู้ผลิตยาหลายรายประกาศความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส Covid-19 ล่าสุดบริษัท Novavax ของสหรัฐประกาศเริ่มการทดลองวัคซีนป้องกัน Covid-19 ในคนเฟสแรกแล้ว  เช่นเดียวกับบริษัท Merck ผู้ผลิตยาของสหรัฐก็แถลงความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกัน Covid-19 เช่นกัน นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ทยอยฟื้นตัว อาทิ Conference Board รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 86.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 85.7 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 82.3
  • (+) น้ำมันดิบฟื้นตัวคาดหวังกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง ขณะที่ดีมานด์ฟื้นจากทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ : ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาเพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 34.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากทั้งฝั่งของซัพพลายและดีมานด์ นักลงทุนคาดหวังว่าภาวะ over supply จะทยอยลดลงจากที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเดินหน้าลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง โดยวานนี้รัสเซียเปิดเผยว่าการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียลดลงใกล้ระดับเป้าหมายที่ระดับ 8.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ใกล้กับระดับเป้า ทั้งนี้ OPEC+ จะประชุมใหญ่เพื่อกำหนดนโยบายการลดกำลังการผลิตกันอีกครั้งในเดือน มิ.ย. ส่วนด้านดีมานด์ นักลงทุนยังคาดหวังว่าการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ของทั่วโลกจะทำให้ความต้องการพลังงานต่างๆกลับมาฟื้นตัว
  • (+/-) ที่ประชุม ครม. เห็นชอบขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน และวันนี้ติดตามฝ่ายค้านอภิปรายซักฟอก พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท : วานนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. จากเดิมสิ้นสุด 31 พ.ค.นี้ มองเป็นกลางตลาดรับรู้อยู่แล้ว นอกจากนี้ที่ประชุมยังอนุมัติเงินช่วยเหลือ เด็กแรกเกิด, คนชรา และคนพิการ จำนวน 1 พันบาทต่อรายทั้งหมด 13 ล้านรายรวมเป็นเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท และเห็นชอบให้นำยางพาราใช้ทำแบริเออร์รวมถึงเสาหลักนำทางเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง (STA TRUBB) ส่วนวันนี้ถึงวันที่ 31 พ.ค. ฝ่ายค้านจะขึ้นอภิปรายซักฟอกรัฐบาลเกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ปัจจัยนี้เรามีมุมมองเป็นกลางเช่นกันเชื่อว่าภาครัฐน่าจะตอบคำถามและอธิบายวงเงินในการใช้งบประมาณได้ และมองเป็นเรื่องดีที่เราจะได้ทราบรายละเอียดของการใช้เงินเนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่เคยแจงหรือรายละเอียดของการใช้งบประมาณดังกล่าว