sideway up

sideway up

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นกว่า 15 จุด คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ในภาคบ่าย ดัชนีเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาเล็กน้อยหลังจากที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,336.09 จุด (+15.11 จุด) Volume 7.4 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,267.67 ลบ. TFEX Net -2,326 สัญญา ตราสารหนี้ -1,312 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 24,995.11 จุด +529.95 จุด +2.17% ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และหลายประเทศเริ่มผ่อนคลาย lockdown เพื่อเปิดทางให้ภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 1.10 ดอลลาร์ +3.3% ปิดที่ 34.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนจากความเชื่อมั่นว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะปรับลดกำลังการผลิต รวมทั้งคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลาย lockdown

+สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% สวนทางคาดการณ์ดิ่งลง 22%

+Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวเกินคาด ขานรับผ่อนคลาย lockdown

+ลุ้นการประชุมพิจารณาผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมเพิ่มเติมในระยะ 3 และ 4

-วานนี้ครม.ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือนถึง 30 มิ.ย.

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 28.58 จุด +1.01%

+ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 529.52 จุด +2.55% เช้านี้เปิด -21.86 จุด

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.97 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.87 บาท/US

*จับตาสศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม ทีมเฉพาะกิจประชุมหารือผ่อนปรนระยะ 3 และ ส่วนสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากเฟด

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแบบ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ขณะที่ประเทศไทยทีมเฉพาะกิจประชุมพิจารณาผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมเพิ่มเติมในระยะ 3 และ 4 วันนี้ ประกอบกับราคาน้ำมับดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุนตลาด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,325-1,345 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

ASIAN (IAA Consensus 6.15 “มุมมองบวก”)

  • 1Q63 มีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท +75%YoY แม้ยอดขายรวม แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นสู่ 14.4% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ดีขึ้นมากจาก 8% ใน 1Q62 ซึ่งเป็นผลดีจากเงินบาทอ่อนค่าและการปรับโครงสร้างสินค้าในการเลิกขายสินค้าแช่แข็ง
  • การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลดีต่อสินค้าแช่แข็งที่เป็นอาหารพร้อมทานและสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในช่วงที่ประกาศใช้มาตรการ lockdown ด้านการขนส่งสินค้าไม่ได้รับผลกระทบ ด้านการเงินไม่มีปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียนหรือขาดสภาพคล่อง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net DE ratio 0.8 เท่าใกล้เคียงากับ 0.9 เท่า ณ ปลายปี 62 โดยมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาว 50%
  • ภาพรวมธุรกิจปี 63 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% คาดยอดขาย Q2 ยังดีต่อเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่แข็งจากการ lockdown ทำให้ผู้บริโภคซื้ออาหารปรุงเองทานในบ้านมากขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นอาจแผ่วลงเล็กน้อยจากต้นทุนวัตถุดิบสินค้าทูน่า (สัดส่วนรายได้ 14%) สูงขึ้น ทิศทางใน 2H63 ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของตลาดลูกค้าหลัก ได้แก่ สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น

ความเห็น คาดว่า consensus ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้หลังเผยแพร่งบ 1Q63 เติบโตสูง 75%YoY อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นที่ปรับขึ้น 56%YTD ซื้อขายที่ PE 20 เท่าสูงกว่ากลุ่มที่ระดับ 18 เท่า จึงควรระวังแรงขายทำกำไร

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่จะเข้าคำนวณ MSCI Global Standard (AWC BAM KTC) มีผล 29 พ.ค. 
  • หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี (WICE TASCO CPF)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย (BAM MTC SAWAD SINGER)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หากรัฐออกแพคเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA)

หุ้นมีข่าว   

(+/-) THAI (Bloomberg Consensus 2.70 บาท) หนี้ท่วม 3.2 แสนล้านบาท สูงกว่าทรัพย์สินที่มีเพียง 2.6 แสนล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบทันที เดินหน้ายื่นขอฟื้นฟูผ่านศาลล้มละลายวานนี้แล้ว เสนอชื่อ 7 ผู้ทำแผนฯ มีทั้งบอร์ดเก่า 2 บอร์ดใหม่ 4 คน และบริษัทอีวายฯ ด้านบิ๊กตู่ตั้ง 9 อรหันต์คุมแผนฟื้นฟูบินไทย ก่อนนัดเจ้าหนี้เจรจา ทั้งแอร์บัสและโบอิ้ง รวมทั้งเจ้าหนี้ในประเทศ ส่วนศาลล้มละลายนัดฟังผลวันนี้ รับหรือไม่รับ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) JKN (Bloomberg Consensus 5.44 บาท)   ชี้ตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในต่างประเทศมีศักยภาพเติบโต เล็งเดินเกมรุกประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาเพิ่มเติม ตั้งเป้าทำสัดส่วนรายได้ 50% ใน 3 ปี ล่าสุดปิดดีลขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยให้แก่ Mediacorp และ Dimsum เพิ่ม (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) WHAUP (ราคาเหมาะสม 6.38 บาท) คาดครึ่งปีหลังยอดขายฟื้น! รับดีมานด์น้ำกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าคงเป้าสิ้นปี COD ครบ 590 เมกะวัตต์ พร้อมทุ่มงบลงทุน 1,500-2,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจน้ำและไฟฟ้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) CNT (Bloomberg Consensus - บาท)   ปักธงรายได้รวมปี 2563 แตะ 8,000 ล้านบาท เดินหน้าชิงงานใหม่ 20,000 ล้านบาท คาดทยอยได้ข้อสรุปช่วงไตรมาส 3/2563 แผนงานปีนี้เน้นคุมต้นทุนลดค่าใช้จ่ายรักษามาร์จิ้น ส่วนธุรกิจพลังงาน เริ่มมีงานเข้ามา เตรียมแผนเพิ่มทุนขายบุคคลในวงจำกัด 75 ล้านหุ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BIZ (Bloomberg Consensus - บาท) คว้าสัญญาซื้อขายเครื่องฉายรังสีรักษาชนิด 3 มิติกับจังหวัดจันทบุรี มูลค่า 95.5 ล้านบาท หนุนแบ็กล็อกพุ่งแตะ 1,515 ล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ 80-90%  ดันผลงานเติบโตก้าวกระโดด (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ILINK (Bloomberg Consensus 3.90 บาท)  ชนะยื่นอุทธรณ์โครงการสายเคเบิลใต้น้ำเกาะปันหยี มูลค่าราว 144 ล้านบาท คาดเซ็นสัญญา Q3/2563 หนุน Backlog เพิ่ม จากเดิมที่ 1.44 พันล้านบาท กินยาวปี 2564 เดินหน้าสอยโครงการใหม่กว่า 2 พันล้านบาท เสริมแกร่งอนาคต บอสใหญ่ "สมบัติ อนันตรัมพร" วางหมากปี 2567 รายได้แตะระดับ 6.58 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) KSL(Bloomberg Consensus 1.98 บาท)  มองราคาน้ำตาลมีแนวโน้วสูงขึ้น หลังซัพพลายลดลง เดินหน้าแปรรูปน้ำตาล หวังดันมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ธุรกิจเอทานอล ดีมานด์เติบโตดี เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 แสนลิตรต่อวัน ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ารอความชัดเจนจากภาครัฐ ขณะที่ผลงานทั้งปีพยายามรักษาใกล้เคียงปีก่อน โบรกเคาะราคาเป้าหมาย 3.20 บาท (ที่มา ทันหุ้น)