วาตภัยถล่ม 12 จังหวัด ชาวบ้านเดือนร้อน 383 หลังคาเรือน
ปภ.รายงานเกิดวาตภัย 12 จังหวัด คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ชาวบ้านเดือนร้อน 383 หลังคาเรือน เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
27 พ.ค. 63 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานในช่วงวันที่ 23 พ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน (27 พ.ค. 63) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 12 จังหวัด
แยกเป็น ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และนครราชสีมา ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท และสระบุรี รวม 23 อำเภอ 48 ตำบล 82 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 383 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 ราย ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง โดยเฉพาะภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางในช่วงวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (27 พ.ค. 63) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 23 อำเภอ 48 ตำบล 82 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 383 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 ราย (อำนาจเจริญ,นครสวรรค์) แยกเป็น ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และนครราชสีมา ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท และสระบุรี ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย
เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป